?พาณิชย์? หารือสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ แลกเปลี่ยนแนวนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจและการค้า ย้ำไทยปรับกฎระเบียบอำนวยความสะดวกทางการค้าตามความตกลง WTO แล้วกว่า 97% คาดแล้วเสร็จในปีนี้ ชี้! ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการลงทุนจากนักธุรกิจยุโรป พร้อมหารือความคืบหน้าการจัดทำ FTA กับอียูและเอฟตา หวังขยายโอกาสทางการค้าการลงทุนกับภูมิภาคยุโรป
ดร.สรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้เข้าร่วมหารือกับสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) และสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (European Association for Business and Commerce: EABC) ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับแนวนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจและการค้าของไทย
ดร. สรรเสริญ กล่าวว่า ได้ใช้โอกาสนี้ให้ความเชื่อมั่นกับกลุ่มนักธุรกิจยุโรปที่ทำการค้าและลงทุนในไทยและอาเซียนว่าไทยได้ปรับกฎระเบียบให้สอดคล้องกับความตกลงการอำนวยความสะดวกทางการค้าของ WTO แล้วกว่า 97% โดยคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในปีนี้ และได้ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและการบังคับใช้สิทธิอย่างเต็มที่ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการเพื่อลดต้นทุนของภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นออนไลน์ หรือไฮบริด เช่น การเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ การให้บริการตลาดกลางพาณิชย์ดิจิทัลของไทยใน Thaitrade.com และการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง โดยได้เชิญชวนให้ภาคธุรกิจยุโรปเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย พร้อมหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าการจัดทำความตกลงการค้าเสรีของไทยในกรอบต่างๆ โดยเฉพาะการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป และสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับภูมิภาคยุโรปต่อไป
ดร. สรรเสริญ เพิ่มเติมว่า การหารือครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนยุโรปเป็นอย่างมาก โดยมีบริษัทชั้นนำของยุโรปที่ดำเนินธุรกิจในไทยและภูมิภาคอาเซียนเข้าร่วมกว่า 64 ราย ครอบคลุมธุรกิจหลากสาขา เช่น ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ยาและเวชภัณฑ์ สินค้าอุปโภคบริโภค การเงิน โลจิสติกส์ เป็นต้น ซึ่งไทยได้ย้ำถึงความสำคัญของการหารือร่วมกับภาคเอกชน โดยยินดีรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนในอาเซียน
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
1 ธันวาคม 2564
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ