กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยสมาชิกบิมสเทค (BIMSTEC) เดินหน้าเจรจาจัดทำข้อบทกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ตั้งเป้าปิดการเจรจาการค้าสินค้าให้จบโดยเร็ว ชี้! จะช่วยเพิ่มโอกาสขยายส่งออกไปตลาดใหม่ในเอเชียใต้ สินค้าที่ไทยจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาด อาทิ พลาสติก น้ำมันปิโตรเลียม และซีเมนต์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างสมาชิกกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ หรือ ?บิมสเทค (BIMSTEC)? ว่า ล่าสุดบังกลาเทศได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้กรอบบิมสเทค เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีการหารือประเด็นสำคัญ อาทิ การสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าภายในภูมิภาค (Regional Cumulation) การกำหนดสูตรการคำนวณมูลค่าเพิ่มภายในประเทศ และการกำหนดเกณฑ์ถิ่นกำเนิดสินค้าสำหรับกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ทั้งนี้ บังกลาเทศจะจัดประชุมคณะทำงานฯ ในครั้งต่อไปเร็วๆ นี้ เพื่อเร่งหาข้อสรุปในประเด็นต่างๆ ต่อไป
นางอรมน กล่าวว่า นอกจากการเจรจาเพื่อจัดทำข้อบทกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า สมาชิกบิมสเทคสามารถสรุปผลการเจรจาประเด็นด้านการค้าสินค้าอื่นๆ ได้เกือบหมดแล้ว และตั้งเป้าหมายว่าจะร่วมกันผลักดันให้สามารถปิดการเจรจาได้โดยเร็ว ซึ่งการเปิดตลาดสินค้าอยู่ระหว่างการแลกเปลี่ยนตารางการลดภาษี และการปรับโอนพิกัดศุลกากรให้มีความทันสมัยมากขึ้น ?หากความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบบิมสเทคได้ข้อสรุป และสมาชิกได้ลดหรือยกเลิกภาษีศุลกากรระหว่างกัน คาดว่าสมาชิกบิมสเทครวมทั้งไทยจะเพิ่มโอกาสการส่งออกและมีการขยายตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดใหม่ในเอเชียใต้ อาทิ ศรีลังกา บังกลาเทศ ภูฏาน และเนปาล รวมทั้งเพิ่มโอกาสการนำเข้าสินค้าต้นน้ำและสินค้ากลางน้ำ เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบการผลิต โดยสินค้าที่ไทยจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาด อาทิ พลาสติก น้ำมันปิโตรเลียม ซีเมนต์ เส้นใยสั้นประดิษฐ์ และเครื่องจักร? นางอรมนเสริม
ทั้งนี้ สมาชิกบิมสเทค (BIMSTEC) ประกอบด้วย 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย เมียนมา อินเดีย ศรีลังกา บังกลาเทศ ภูฏาน และเนปาล ซึ่งได้เริ่มเจรจาจัดทำ FTA ระหว่างกันตั้งแต่ปี 2547 โดยมุ่งเน้นการเปิดตลาดการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน สำหรับความตกลงการค้าสินค้า (Agreement on Trade in Goods) จะเน้นเรื่องการลดและยกเลิกภาษีศุลกากร การจัดทำข้อบทด้านกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า และการอำนวยความสะดวกทางการค้า
สำหรับในปี 2564 การค้าระหว่างไทยกับสมาชิกบิมสเทค มีมูลค่า 7.59 แสนล้านบาท มีสัดส่วน 4.43% ของการค้ารวมของไทย ขยายตัว 37.73% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 4.60 แสนล้านบาท สัดส่วน 5.38% ของการส่งออกไทยไปโลก ขยายตัว 41.46% สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องจักร พลาสติก อุปกรณ์ไฟฟ้า เชื้อเพลิง และเคมีภัณฑ์อินทรีย์ และเป็นการนำเข้ามูลค่า 2.99 แสนล้านบาท สัดส่วน 3.48% ของการนำเข้าของไทยจากโลก ขยายตัว 32.37% สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เชื้อเพลิง แร่รัตนชาติ เครื่องจักร และสัตว์น้ำ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์
3 มีนาคม 2565
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ