?สินิตย์? ปลื้ม ผลสำเร็จการจัดงาน FTA Fair หลังนำผู้ประกอบการร่วมบูธจำหน่ายสินค้ากว่า 40 บูธ เผย จีน ญี่ปุ่น ดูไบ มาเลเซีย และบาห์เรน รุมจีบจับคู่ธุรกิจ เตรียมส่งออกไปตลาดโลก พร้อมนำสินค้าขึ้นโมเดิร์นเทรด แนะผู้ประกอบการเร่งขอรับรองมาตรฐานสินค้า พร้อมใช้ประโยชน์จาก FTA และ RCEP สร้างแต้มต่อขยายตลาดส่งออก
นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า การจัดงาน ?FTA Fair นำสินค้าไทย สู่ตลาดการค้าเสรี? ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยสินค้าศักยภาพจากผู้ประกอบการทั่วไทย กว่า 40 บูธ มีผู้สนใจเลือกซื้ออย่างคับคั่ง โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมออกบูธสามารถจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าต่างประเทศได้ อาทิ ผ้าบาติกเดอนาราปัตตานีจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าญี่ปุ่น รองเท้าเปลือกทุเรียนดินภูเขาไฟศรีสะเกษจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าดูไบ แยมผลไม้ 108 ฟู้ดจากนครราชสีมาจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าดูไบและบาห์เรน ยาสีฟันสมุนไพรบุปผาวันจากนครสวรรค์จับคู่ธุรกิจกับคู่ค้ามาเลเซีย และไอศกรีมบุณยเกียรติเพชรบูรณ์จับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าจีน และยังได้จับคู่ธุรกิจกับห้างโมเดิร์นเทรดในประเทศ อาทิ คิงส์พาวเวอร์ เดอะมอลล์ โลตัส ท๊อปซุปเปอร์มาร์เก็ต และลาซาด้า
นายสินิตย์ เสริมว่า สินค้าที่ได้รับความสนใจส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สวยงามและใช้นวัตกรรมสร้างความแตกต่าง รวมถึงสินค้าที่ได้รับมาตรฐาน อาทิ สินค้าเกษตรที่มีมาตรฐานรับรองจาก อย. GMP และฮาลาล สินค้านมที่ได้รับมาตรฐาน Est.จากกรมปศุสัตว์ และ GACC จากสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะที่อาหารจากพืช (ทอดมันกุ้งมันตรา) ซึ่งรองรับกระแสอาหารแห่งอนาคต (Future Food) และสินค้าที่มีเอกลักษณ์ อาทิ ถั่วลายเสือภูมิไทยจากแม่ฮ่องสอน เสื้อผ้ามัดย้อมห่มรักจากนนทบุรี เสื้อผ้าจุฑาทิพจากขอนแก่น ถ่านไม้ไผ่ดูดกลิ่นจากนครราชสีมา ชุดเสื้อผ้าลายผ้าขาวม้าอิมปานิจากราชบุรี ผ้าย้อมสีธรรมชาติหนองบัวแดงจากชัยภูมิ รองเท้าเพื่อสุขภาพเจมิโอ้ และเสื้อผ้าซีเนียลุค ก็มีผู้สนใจจำนวนมากเช่นกัน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพิ่มเติมว่า การจัดงานครั้งนี้ กรมฯมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เรื่องความสำคัญและการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยมีอยู่ 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ ซึ่งใช้เป็นแต้มต่อทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะความตกลง RCEP ซึ่งเป็น FTA ฉบับล่าสุดที่มีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภายในงานมีประชาชนสนใจเข้ารับคำปรึกษาจากบูธ FTA Center โดยเฉพาะเรื่องความตกลงการค้าเสรี กฎระเบียบทางการค้า และอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้า เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจการทำธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังมีผู้สนใจเข้าร่วมฟังเสวนาเรื่องทิศทางความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสินค้าที่มีมาตรฐาน สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการประกอบธุรกิจแบบไม่ให้เกิดขยะจากกระบวนการผลิต (zero waste) ซึ่งสามารถนำมาหมุนเวียนให้เกิดรายได้ โดยมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลและแชร์ประสบการณ์ นับเป็นอีกหนึ่งงานที่กรมฯ ช่วยผู้ประกอบการให้มีรายได้และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และยังเป็นการสนับสนุนการหาตลาดรองรับผลผลิตเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ส่งออกในตลาดการค้าเสรี
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
10 มีนาคม 2565
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ