วันที่ 19 พฤษภาคม 2565 เวลา 11.30 น.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังหารือทวิภาคีกับนายเอ็ดเวิร์ด เหยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และพัฒนาทางเศรษฐกิจ ฮ่องกง ที่ชั้น 23 โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ฮ่องกงถือเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 12 ของไทย มูลค่าการค้ารวม 4.56 แสนล้านบาท โดยไทยส่งออกไปฮ่องกงปีละประมาณ 3.65 แสนล้านบาท โดยประเทศไทยได้ดุลฮ่องกง สินค้าที่ส่งออกไปฮ่องกง เช่น คอมพิวเตอร์อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ โทรสารโทรศัพท์ ผลไม้สด และผลไม้แช่เย็นและแช่แข็ง เป็นต้น
ประเด็นที่ไทยหารือกับท่านรัฐมนตรีฮ่องกงมี 4 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1.ขอให้ฮ่องกงช่วยสนับสนุนการส่งออกข้าวพรีเมียม รวมทั้งข้าวหอมมะลิจากประเทศไทยไปฮ่องกงและอาหารพรีเมียม เช่น เนื้อจากพืช(Plant Base Meat) รวมทั้งผลไม้ไทย เช่น ทุเรียน ลำไย มะม่วง และผลไม้อื่นๆ เกรดพรีเมียม
ประเด็นที่ 2.ขอให้ฮ่องกงช่วยสนับสนุนธุรกิจภาพยนตร์ของไทย รวมทั้งธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ด้วย ซึ่งเดือนกรกฎาคมปีนี้ในงานฮ่องกงอินเตอร์เนชันแนลฟิล์มแอนด์ทีวีมาร์เก็ต ที่สมาคมธุรกิจภาพยนตร์ไทย จะได้มีโอกาสทำ MOU กับ TVB ฮ่องกง ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ไทยสามารถเปิดตลาดภาพยนตร์ไทยในฮ่องกงได้สะดวก กว้างขวางขึ้น รวมทั้งจูงใจให้ธุรกิจภาพยนตร์ในฮ่องกงใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ต่อไป โดยตนมอบให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศช่วยดูประเด็น MOU ให้ครอบคลุมรอบด้านที่สุด ถ้าเป็นประโยชน์กับธุรกิจภาพยนตร์ไทยและดิจิทัลคอนเทนท์ของเราให้มากที่สุด รวมทั้งจะเป็นการสนับสนุนส่งเสริมการใช้ Soft Power ผลักดันทั้งภาคการผลิตและบริการของไทยในการเปิดตลาดฮ่องกงในตลาดโลกต่อไป
ประเด็นที่ 3. ไทยขอใช้โอกาสนี้เชิญชวนให้นักลงทุนของฮ่องกงทำธุรกิจ Wellness ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพในประเทศไทย
และประเด็นที่ 4.ขอให้ฮ่องกงสนับสนุนการออกแถลงการณ์ร่วมในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าเอเปคในครั้งนี้ต่อไปด้วย
สำหรับประเด็นที่รัฐมนตรีฮ่องกงหยิบยกมาหารือมี 4 ประเด็นสำคัญ คือ
ประเด็นที่ 1. ท่านสนับสนุนการประชุมเอเปคครั้งนี้ที่มีไทยเป็นประธานในการประชุมและสนับสนุนที่ประเทศไทยทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพการประชุม พร้อมสนับสนุนการออกแถลงการณ์ร่วมและแนวคิดหลักของไทยในเรื่องแนวคิด ?Open. Connect. Balance.?
ประเด็นที่ 2. ฮ่องกงมีความประสงค์ขอเข้าร่วมเป็นสมาชิก RCEP 15 ประเทศ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ไทยแจ้งว่าไทยยินดีให้การสนับสนุนให้ฮ่องกงเข้ามาร่วม จะมีส่วนทำให้ RCEP ใหญ่ขึ้นและขนาดเศรษฐกิจขยายตัวออกไปด้วย โดยตั้งแต่ 1 กรกฎาคมปี 2566 เป็นต้นไป RCEP จะเริ่มกระบวนการเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ขอให้ฮ่องกงแจ้งความจำนงตามกระบวนการ
ประเด็นที่ 3. รัฐมนตรีฮ่องกงแจ้งว่าผู้บริโภคชาวฮ่องกงสนใจสินค้าระดับพรีเมียมเป็นพิเศษ นอกจากข้าวของไทยแล้วยังสนใจอาหารและผลไม้ในระดับพรีเมียม สอดคล้องกับสินค้าของไทยซึ่งได้มีการส่งออกไปยังฮ่องกงรวมทั้งในช่วงถัดจากนี้ฮ่องกงจะช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องระบบการขนส่งที่จะส่งสินค้าพรีเมียมของไทยไปยังฮ่องกงด้วย เพื่อเพิ่มตัวเลขการส่งออกของไทย
และประเด็นที่ 4.ในเรื่องของภาพยนตร์และดิจิทัลคอนเทนต์ท่านรัฐมนตรีฮ่องกง แจ้งให้ทราบว่า ยินดีสนับสนุน และธุรกิจภาพยนตร์ฮ่องกงปัจจุบันมีการใช้บริการทั้งใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ รวมทั้งใช้บริการธุรกิจตัดต่อและอื่นๆสำหรับภาพยนตร์ของฮ่องกง แต่การทำ MOU ที่จะเกิดขึ้นนั้นท่านสนับสนุน เพราะจะเป็นการเพิ่มมูลค่าการค้าต่อกันได้มากขึ้น
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ