กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดสัมมนาออนไลน์ เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทยรับการเปิดเจรจา FTA ไทย-EFTA นำกูรูทั้งภาคเอกชน ภาคเกษตร และภาคประชาสังคม ร่วมแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการทำ FTA แนะควรเตรียมความพร้อมในประเทศ พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ และการเยียวยาผลกระทบ
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการจัดสัมมนาออนไลน์ เรื่อง ?FTA ไทย-EFTA: ประโยชน์ การเตรียมตัว และการแสวงประโยชน์ของผู้ประกอบการไทย? เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ เป็นการประชาสัมพันธ์ถึงโอกาสในการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาดสู่ประเทศกลุ่มสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ได้สะดวกมากขึ้น
โดยกรมฯ ได้เชิญวิทยากรจากภาคเอกชน ภาคเกษตร และภาคประชาสังคม ร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการทำ FTA ไทย-EFTA และการเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดเสรี
นายนฤพนธ์ เตชะวัฒนวรรณา จากหอการค้าไทย-สวิตเซอร์แลนด์ และ ดร. ศุภฤกษ์ ชมชาญ จากหอการค้าไทย-นอร์เวย์ ได้สนับสนุนการทำ FTA กับ EFTA เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ โดยจะต้องเตรียมความพร้อมและสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย เร่งปฏิรูปกฎระเบียบของไทยให้เอื้อต่อการดึงดูดการค้าและการลงทุนเข้ามาในไทย สนับสนุนการมีส่วนร่วมของ SMEs และส่งเสริมการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่จะเกิดขึ้น
สำหรับนางสาวกรรณิการ์ กิจติเวชกุล จากกลุ่ม FTA Watch เห็นว่า การเตรียมความพร้อมภายในประเทศ ควรปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบให้ทันสมัย และ EFTA ควรให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสังคม การเมือง การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และการเปิดเสรีภาคบริการบางสาขา จะนำไปสู่การลดการผูกขาดและเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ ประเด็นที่เสนอให้ภาครัฐเจรจาอย่างรอบคอบ อาทิ การยอมรับเงื่อนไขการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการรับรองพันธุ์พืชใหม่ (UPOV 1991) การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาที่จะเชื่อมโยงกับการเข้าถึงยา การคุ้มครองการลงทุน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเตรียมเยียวยาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการรักษาสิทธิ์ของไทยในการใช้มาตรการเพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะ และป้องกันผลกระทบด้านสังคมและสุขภาพ
ด้านนายสมควร ศรีวิทิตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดมอนด์เฟรช โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด เสนอมุมมองว่า ภาคเกษตรต้องเปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดเสรี และต้องพัฒนาศักยภาพ สร้างเครือข่าย ลดต้นทุน และใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่า ในส่วนของการเจรจาของภาครัฐ ควรคำนึงถึงความสมดุล ความจริงใจ และมุ่งหวังเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน โดยต้องพิจารณาเรื่องที่มีความอ่อนไหวอย่างรอบคอบ และต้องสนับสนุนให้ภาคเกษตรสามารถใช้ประโยชน์จาก FTA และปรับปรุงระบบกองทุนที่มีประสิทธิภาพเพื่อเยียวยาผลกระทบ
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทย และ EFTA อยู่ระหว่างเตรียมการเพื่อเปิดการเจรจา FTA ใหม่ หลังจากที่เคยเจรจากันในช่วงปี 2548-2549 แต่ได้หยุดชะงักไป ถึงแม้ EFTA จะเป็นกลุ่มประเทศขนาดเล็ก มีประชากร 14.5 ล้านคน แต่มีขนาดเศรษฐกิจระดับชั้นนำของโลก มี GDP ต่อหัวสูงถึง 69,015 เหรียญสหรัฐ มีศักยภาพสูงทั้งการผลิตสินค้าและบริการ มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นวัตกรรม และการศึกษา เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ของโลก มีระบบเศรษฐกิจแบบเปิด และมีภาคบริการเป็นส่วนสำคัญ อาทิ สาขาบริการการเงินและการประกันภัย และโทรคมนาคม
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถรับชมการสัมมนาฯ ย้อนหลังได้ที่ Facebook กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
9 มิถุนายน 2565
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ