วันที่ 21 มิถุนายน 2565 เวลา 12.00 น. (เวลาในประเทศไทย 18.00 น.)
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว เรื่องการเชิญชวนนักลงทุนชาวอังกฤษไปลงทุนที่ประเทศไทย ภายหลังบรรยายในงาน UK-Thai Business Forum ณ Central Hall Westminster กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
นายจุรินทร์ กล่าวว่า หลังการประชุม Joint Economic and Trade Committee (JETCO) กับรัฐมนตรีด้านนโยบายการค้าของ UK ได้มีโอกาสกล่าวในที่ประชุมของภาคเอกชนไทยกับ UK โดยได้มีการจัดพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 200 คน ทั้งที่อยู่ในห้องประชุมและผ่านระบบออนไลน์ ประเด็นสำคัญที่นำเสนอ คือได้แจ้งให้ภาคเอกชนของไทยและ UK ทราบว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ UK เพราะต้องการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างกันจากเดิม 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะให้กลับมาเป็น 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเร็ว และเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเอกชนจะมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่และยังได้เชิญให้นักธุรกิจ UK ทำการค้าและลงทุนกับไทย
?โดยให้ความมั่นใจว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนอย่างใกล้ชิด ซึ่งในระดับประเทศมีการตั้ง กรอ. ขึ้นมา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และในระดับกระทรวงพาณิชย์มี กรอ.พาณิชย์ เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นเวทีให้นักธุรกิจและนักลงทุน ได้พบกับภาครัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมมือกันแก้ปัญหาด้วยกัน และเพิ่มตัวเลขการส่งออก-นำเข้า และการลงทุนระหว่างกัน เพื่อขจัดปัญหาอุปสรรคทั้งหลายร่วมกัน นักลงทุนจาก UK ที่จะไปลงทุนในประเทศไทยมั่นใจได้ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ที่นักลงทุนจาก UK จะไปลงทุนหรือค้าขายในประเทศไทย? นายจุรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ ประเทศไทยมี FTA ถึง 14 ฉบับ กับ 18 ประเทศ ใหญ่ที่สุดคือ RCEP ซึ่งนักลงทุนจะได้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยทำนี้ด้วย โดยไทยจะทำ FTA มากขึ้น ทั้งไทยกับเอฟตา ซึ่งตนเพิ่งเดินทางไปประกาศเริ่มการเจรจา FTA กับกลุ่มประเทศเอฟตา ซึ่งมีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ลิกเตนสไตน์ และไอซ์แลนด์ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ที่ไอซ์แลนด์ และเตรียมพัฒนา JETCO ระหว่าง UK เป็น FTA ไทย-UK ต่อไปในอนาคต ซึ่งหากเกิดขึ้นจะมีผลให้นักลงทุนจาก UK ที่ไปลงทุนในไทยได้สิทธิประโยชน์ตามไปด้วย และที่สำคัญที่สุด นวัตกรรมของไทย คือ เราลงลึกถึงขั้นมีการทำ MOU ระหว่างไทยกับมณฑลหรือรัฐที่มีขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า Mini FTA เช่น ไห่หนาน กานซู่ รัฐเตลังคานา และโคฟุ และมีแผนงานที่จะทำกับอีกหลายรัฐหลายเมืองในโลก นักลงทุนจาก UK ก็สามารถใช้ประโยชน์จาก Mini FTA ได้ในทันทีที่เดินทางไปลงทุนในไทย ซึ่งทุกคนพอใจและเห็นภาพชัดขึ้น และเป็นรูปธรรมที่เป็นประโยชน์มาก ในการดึงให้นักลงทุนไปลงทุนและค้าขายกับไทยเพิ่มขึ้นในอนาคต
21 มิถุนายน 2565
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ