กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ครบรอบ 135 ปี เดินหน้าติดอาวุธการค้าเชิงลึกให้ผู้ประกอบการ MSMEs หนุนใช้สิทธิประโยชน์จาก RCEP เพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนอย่างเต็มที่ ผลตอบรับดี! ผู้ประกอบการไทย-ญี่ปุ่น เข้าร่วมกว่า 100 คน
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพฯ (สำนักงานเจโทร ประจำกรุงเทพฯ) จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ?โอกาส MSMEs ไทยและญี่ปุ่น: เจาะลึกการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าภายใต้ความตกลง RCEP? เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ โรงแรมนิกโก้ กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมสำคัญในปีนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 135 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับญี่ปุ่น
นายคุโรดะ จุน ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความตกลง RCEP สร้างโอกาสและเป็นประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจหลายประการ คือ 1) ช่วยเสริมสร้างซัพพลายเชนที่หลากหลาย ทำให้เกิดความยืดหยุ่นกับห่วงโซ่อุปทานการผลิตในภูมิภาคมากขึ้น 2) ความตกลง RCEP มีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่เอื้อต่อผู้ประกอบการให้ใช้ประโยชน์จากกฎเกณฑ์ที่ง่ายขึ้น 3) ช่วยให้การค้าราบรื่นยิ่งขึ้นจากการที่มีข้อกำหนดให้ประเทศสมาชิก RCEP
ทุกประเทศ ใช้แบบฟอร์มหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าในรูปแบบเดียวกัน 4) มีระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง และ 5) มีข้อกำหนดด้านพิธีการศุลกากรในการตรวจปล่อยสินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า เช่น สินค้าเน่าเสียง่ายต้องตรวจปล่อยภายใน 6 ชั่วโมง เป็นต้น
นางอรมน กล่าวว่า กรมเล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP เพื่อช่วยสร้างโอกาสในการขยายตลาดการค้าและการลงทุนที่ใหญ่ขึ้นให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ของประเทศ ดังนั้น กรมจึงได้ร่วมกับสำนักงานเจโทร ประจำกรุงเทพฯ เพื่อเร่งส่งเสริมการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลง RCEP โดยติดอาวุธความรู้ด้านการค้าเชิงลึกให้กับผู้ประกอบการ MSMEs เกี่ยวกับเกณฑ์การขอใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า ขั้นตอนการออกหลักฐานการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ RCEP และระบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (Self-Certification)
การจัด Workshop ครั้งนี้ สอดรับกับผลการสำรวจความเห็นภาคเอกชน ประจำปี 2565 ของสภาธุรกิจเอเชียตะวันออก (EABC) ซึ่งภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพิกัดศุลกากรและกฎว่าด้วย
ถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลง RCEP เพื่อนำองค์ความรู้ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจอย่างเต็มที่ โดยกรมได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้ประกอบการไทยและชาวญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในไทย เข้าร่วมงานกว่า 100 คน
นางอรมน เพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นและไทยมีความตกลงการค้าเสรีที่เป็นภาคีร่วมกัน ได้แก่ ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่น (JTEPA) ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่น (AJCEP) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยในช่วงเดือน ม.ค. - พ.ค. 2565 ไทยมีการขอใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้ RCEP ส่งออกไปญี่ปุ่น มูลค่า 46.47 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ ปลาทูน่ากระป๋อง ปลาแมคเคอเรลกระป๋อง เสื้อคาร์ดิแกน
เสื้อกั๊ก และปลาปรุงแต่ง ขณะที่ไทยขอใช้สิทธิ์ RCEP นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น มูลค่า 5.9 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ไฮโดรควีโนน เชื้อประทุไฟฟ้าสำหรับจุดระเบิด ปลาหมึกยักษ์ ด้ายโพลิยูรีเทน และลูกชิ้นปลา
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเป็นผู้ลงทุนอันดับหนึ่ง และเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทย โดยในครึ่งปีแรก (ม.ค. - มิ.ย. 2565) การค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่น มีมูลค่า 30,478.25 ล้านเหรียญสหรัฐ ไทยส่งออกไปญี่ปุ่น มูลค่า 12,714.89 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากญี่ปุ่น มูลค่า 17,763.36 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์
17 สิงหาคม 2565
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ