?กระทรวงพาณิชย์? พร้อมเป็นประธานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (AMM) 16-17 พ.ย. นี้ มุ่งขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในช่วงเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทย เน้น BCG Economy Model แนวทางการฟื้นฟูความเชื่อมโยงในภูมิภาค และการค้าและการลงทุนที่เปิดกว้างและยั่งยืน ก่อนชงผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปครับรอง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในห้วงสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายน 2565 กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปค (APEC Ministerial Meeting: AMM) ในวันที่ 16 ? 17 พฤศจิกายน 2565 เริ่มจากในช่วงค่ำของวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 จะมีงานเลี้ยงต้อนรับรัฐมนตรีการค้าและต่างประเทศเอเปคที่เดินทางเข้าร่วมการประชุม และในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 จะเป็นการประชุม AMM เต็มวัน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) จะเป็นประธานร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย) โดยช่วงเช้าจะเป็นการประชุมในหัวข้อ ?การเติบโตอย่างสมดุล ครอบคลุมและยั่งยืน? (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth) ซึ่งเน้นการหารือเรื่องเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy Model) และการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และในการประชุมช่วงกลางวัน (Working Lunch) จะเป็นหัวข้อ?การกลับมาเชื่อมโยงในภูมิภาค?(Reconnecting the region) เพื่อหารือแนวทางการฟื้นฟูความเชื่อมโยงระหว่างกัน โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วม
นางอรมน เสริมว่า สำหรับวาระของกระทรวงพาณิชย์ในช่วงบ่าย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะทำหน้าที่ประธานการประชุม ในหัวข้อ ?การค้าและการลงทุนที่เปิดกว้างและยั่งยืน? (Open and Sustainable Trade and Investment) เพื่อสนับสนุนให้สมาชิกเอเปคได้หารือและแลกเปลี่ยนแนวคิดหรือนโยบายด้านการค้าและการลงทุน ที่สามารถส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจการค้าที่เปิดกว้าง และมีการพัฒนา/เติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม นอกจากนี้ ไทยยังได้เชิญผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) บันทึกภาพและเสียงบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการตามผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 12 (MC12) และความเห็นเรื่องการค้าโลกและระบบการค้าพหุภาคี จากนั้นจะเปิดให้สมาชิกเอเปคทั้ง 21 เขตเศรษฐกิจหารือกันในประเด็นการค้าและการพัฒนาอย่างเปิดกว้างและยั่งยืนของเอเปค เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่า ภูมิภาคเอเชีย ? แปซิฟิก ยังคงเป็นเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่มีพลวัตและเชื่อมโยงระหว่างกันมากที่สุดของโลก
นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 จะมีกิจกรรมอื่นที่น่าสนใจ เช่น การประกาศรางวัลผู้ชนะเลิศ APEC Digital Prosperity Award เพื่อมอบรางวัลด้านการพัฒนา Mobile Application ที่เป็นเครื่องมือด้านนวัตกรรมในการพัฒนาการเติบโตอย่างครอบคลุมและมั่งคั่ง โดยเฉพาะภาคการเกษตร โดยต่อยอดผ่านการคัดเลือกจากผู้เข้าแข่งขันการพัฒนา Mobile Application ของการประกวด APEC App Challenge เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 ขณะเดียวกัน ระหว่างวันที่ 16-19 พฤศจิกายน 2565 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยจะได้หารือสองฝ่ายกับรัฐมนตรีพาณิชย์ของสมาชิกเอเปค ซึ่งอยู่ระหว่างนัดหมาย และจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ของยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Strategic Economic Cooperation Arrangement: SECA) ระหว่างไทยกับออสเตรเลีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์เศรษฐกิจระหว่างไทยกับออสเตรเลีย จากเดิมที่มีความตกลงการค้าเสรี ไทย ? ออสเตรเลีย ระหว่างกันอยู่แล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ (โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) จะร่วมจัดนิทรรศการ BCG Journey เพื่อร้อยเรียงเรื่องราวความสำเร็จในการขับเคลื่อนโมเดล BCG Economy ของไทย ในสาขาเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต โดยให้เห็นภาพว่าจะมีการปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเศรษฐกิจเดิม ๆ ไปสู่เศรษฐกิจและสังคมที่มีมูลค่าเพิ่ม มีนวัตกรรม และมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ซึ่งนิทรรศการนี้จะอิงแนวคิดหลักของเอกสารเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bangkok Goals on BCG Economy) ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเด็นสำคัญ คือ (1) การจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เหลือศูนย์ (2) การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน (3) การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน และ (4) การจัดการขยะ
28 ตุลาคม 2565
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ