?อาเซียน? ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านศรษฐกิจอาเซียน (SEOM) อย่างเป็นทางการครั้งแรก ถกประเด็นเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งผลักดันทำกรอบอำนวยความสะดวกด้านบริการ จัดตั้งสำนักเลขาธิการ RCEP หนุนใช้ e-Form D เต็มรูปแบบ เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของ MSMEs การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เร่งติดตามความคืบหน้าการอัปเกรด FTA พร้อมคุยญี่ปุ่นหารือแนวทางจัดทำแผนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม) ให้เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Economic Officials Meeting: SEOM) ครั้งที่ 1/54 ระหว่างวันที่ 16-17 มกราคม ที่ผ่านมา ณ เมืองเซอมารัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยเป็นการประชุมอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเสาเศรษฐกิจ ในวาระประธานอาเซียนของอินโดนีเซีย โดยในปีนี้ ได้เน้นย้ำ ?บทบาทอาเซียนที่มีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางการเจริญเติบโต (ASEAN Matters: Epicentrum of Growth)? และตั้งเป้าให้เศรษฐกิจอาเซียนเติบโตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม และยั่งยืน
นางสาวโชติมา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ได้พิจารณาประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่อินโดนีเซียผลักดันในวาระการเป็นประธานอาเซียน อาทิ การจัดทำกรอบการอำนวยความสะดวกด้านการบริการของอาเซียน เพื่อพัฒนากฎระเบียบที่เอื้อต่อการเปิดเสรีภาคบริการที่ลึกซึ้งขึ้น การจัดตั้งสำนักเลขาธิการ RCEP เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการต่างๆ ภายใต้ความตกลง RCEP และการนำหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า e-Form D มาใช้อย่างเต็มรูปแบบผ่านระบบ ASEAN Single Window ซึ่งจะอำนวยความสะดวกทางการค้า ลดต้นทุนทางธุรกิจ ส่งเสริมการค้าไร้กระดาษข้ามพรมแดน และส่งเสริมการใช้ e-Form D เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน ATIGA e-Form D มีอัตราการใช้อยู่ที่ 89.6%
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณามาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน อาทิ การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน การสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของ MSMEs การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล การพัฒนาที่ยั่งยืน และการขยายความสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาค
นางสาวโชติมา เพิ่มเติมว่า อาเซียนได้เร่งรัดติดตามความคืบหน้าการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาทิ ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA) อาเซียน-จีน และอาเซียน-อินเดีย ตั้งเป้าสรุปผลในปี 2568 อาเซียน-แคนาดา คาดว่าจะสรุปผลในปี 2567 และออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ตั้งเป้าจะมีการลงนามพิธีสารแก้ไขความตกลงในปีนี้ ทั้งนี้ การเจรจายกระดับความตกลงฯ จะปรับปรุงเนื้อหาสาระด้านกฎเกณฑ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า ลดอุปสรรคการใช้สิทธิพิเศษทางภาษี และผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้สอดคล้องกับประเด็นการค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ จะเป็นความตกลงฉบับที่ 3 ของไทย ที่สามารถใช้รูปแบบการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง เพิ่มเติมจากความตกลง ATIGA และ RCEP ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้หารือแนวทางการดำเนินการต่อไปของเสาเศรษฐกิจในการรับติมอร์-เลสเตเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน และการให้ความช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถ รวมทั้งได้มีการประชุมสมัยพิเศษร่วมกับญี่ปุ่น เพื่อหารือแนวทางการจัดทำวิสัยทัศน์และแผนงานร่วมสร้างสรรค์ด้านเศรษฐกิจ และแผนปฏิบัติการด้านนวัตกรรมและความยั่งยืนของความร่วมมือเศรษฐกิจ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ในปีนี้
21 มกราคม 2566
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ