ไทยเตรียมเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน ครั้งที่ 3 เดินหน้าปรับปรุงความตกลงให้ทันสมัย อาทิ การประติบัติเยี่ยงชาติ การเพิ่มความเข้มข้นของข้อบทมาตรการที่มิใช่ภาษี การค้าและสิ่งแวดล้อม การค้าไร้กระดาษ ก่อนนำเสนอที่ประชุม AEM มี.ค.นี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เตรียมเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA-TNC) ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์นี้ ณ เมืองบันดุง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อปรับปรุงความตกลงให้ทันสมัยกว่าความตกลงปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2553
นางอรมน กล่าวว่า อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการเจรจาครั้งสำคัญ โดยจะหารือในประเด็นโครงสร้างความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน อาทิ การประติบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับการอนุเคราะห์ยิ่ง (MFN Treatment) ซึ่งกำหนดให้สมาชิกอาเซียนที่ให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่ประเทศนอกอาเซียนในระดับที่ดีกว่าที่ได้ให้สมาชิกอาเซียนด้วยกัน ต้องให้สิทธิที่เท่าเทียมกันแก่สมาชิกอาเซียนด้วย การเพิ่มความเข้มข้นของข้อบทมาตรการที่มิใช่ภาษี เพื่อจัดการกับปัญหาการใช้มาตรการที่มิใช่ภาษี ซึ่งส่งผลให้เกิดอุปสรรคทางการค้าภายในภูมิภาค และประเด็นการค้าใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนไป อาทิ การค้าและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย และการค้าไร้กระดาษ โดยผลจากการประชุมครั้งนี้จะนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มีนาคมนี้ ณ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ อาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทยและอาเซียน มีมูลค่า 124,890.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 21.2% ของมูลค่าการค้ารวมของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปอาเซียน มูลค่า 71,890.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 25% ของการส่งออกไทยไปโลก และไทยนำเข้าจากอาเซียน มูลค่า 52,999.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 17.5% ของการนำเข้าไทยจากโลก สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ และเคมีภัณฑ์ และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า
24 กุมภาพันธ์ 2566
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ