กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กางแผนเจรจา FTA ปี 67 เร่งผลักดันเจรจา FTA คงค้างกับอียูและเอฟตา พร้อมใช้เวที JTC กระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับคู่ค้า เตรียมเปิดเจรจา FTA กับเกาหลีใต้ ลุยลงพื้นที่ติวเข้มใช้ประโยชน์ FTA ขยายโอกาสทางการค้าในตลาดต่างประเทศ
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยแผนการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยในปี 2567 ว่า กรมจะเร่งเดินหน้าสรุปการเจรจา FTA ที่คงค้างอยู่โดยเร็ว คือ FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) หรือ เอฟตา ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ โดย EFTA เป็นกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปที่ไทยยังไม่เคยมี FTA ด้วย และจะผลักดันการเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว
นางสาวโชติมา เพิ่มเติมว่า ล่าสุดไทยสามารถสรุปผลการเจรจา FTA ไทย-ศรีลังกา ได้ตามเป้าหมาย และมีแผนลงนามความตกลงฯ ในช่วงเดือน ก.พ. 2567 โดยสินค้าและบริการที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรกลและเครื่องใช้ไฟฟ้า โลหะ และพลาสติก การท่องเที่ยว ก่อสร้าง ขนส่งและโลจิสติกส์ และค้าปลีก ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ที่ให้ความสำคัญกับการเจรจาจัดทำ FTA เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย
สำหรับการเปิดเจรจา FTA ฉบับใหม่ๆ ไทยมีประเทศเป้าหมายเปิดเจรจากรอบใหม่เพิ่มเติม อาทิ FTA ไทย-เกาหลีใต้ นอกจากนี้ กรมมีแผนจัดประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ระดับรัฐมนตรีกับคู่ค้าของไทย อาทิ กัมพูชา เกาหลีใต้ มาเลเซีย สปป.ลาว และสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของสองฝ่ายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ กรมจะร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สภาเกษตรกรแห่งชาติ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ศอ.บต. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA และชี้ช่องโอกาสในการทำตลาดต่างประเทศ ให้แก่เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ ผู้ประกอบการ SMEs ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ เชียงราย ราชบุรี จันทบุรี บุรีรัมย์ ขอนแก่น สงขลา และยะลา เพื่อขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปในพื้นที่ ทั้งผลไม้ ชา กาแฟ โกโก้ ผ้าทอ งานหัตถกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ สู่ตลาดการค้าเสรี ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่เข้มแข็ง
สำหรับในช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 2566) การค้าของไทยกับ 18 ประเทศคู่ค้า FTA มีมูลค่า 317.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4.4 โดยไทยส่งออกไปประเทศคู่ค้า FTA มูลค่า 154.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากประเทศคู่ค้า FTA มูลค่า 163.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญของไทย อาทิ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า และสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
9 มกราคม 2567
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ