?พาณิชย์? ถกทูตออสเตรเลีย ส่งเสริมการค้าและการลงทุน อำนวยความสะดวกภาคธุรกิจ เน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ภายใต้ SECA ที่จะใกล้สรุปผลแล้ว มุ่งเกษตรอัจฉริยะ กระตุ้นการท่องเที่ยว เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ส่วนความตกลง TAFTA จะครบรอบ 20 ปี ในปี 68 เดินหน้ารับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมเปิดตลาดสินค้านมส่วนที่เหลือ
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยหลังพบหารือกับเอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลียประจำประเทศไทย (ดร.แอนเจลา แม็กดอนัลด์) เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า ไทยและออสเตรเลียเล็งเห็นโอกาสที่จะส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาการค้าสองฝ่ายขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากการมี FTA ร่วมกันถึง 3 ฉบับ ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมทั้งหารือแนวทางที่จะนำไปสู่การลดอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ
นางสาวโชติมา กล่าวว่า ออสเตรเลียมียุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2040 โดยจะนำนักลงทุนออสเตรเลียเข้ามาลงทุนในภูมิภาครวมถึงไทยมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (SECA) ที่ไทยทำร่วมกับออสเตรเลีย ที่มุ่งเน้นความร่วมมือทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายใกล้จะสรุปแผนงานกิจกรรม (Implementation Agenda) ภายใต้ SECA ได้แล้ว ซึ่งจะมีความร่วมมือในสาขาต่างๆ อาทิ เกษตรและอาหาร มุ่งเน้นการทำเกษตรอัจฉริยะ และการแลกเปลี่ยนด้านนวัตกรรมอาหารและโปรตีนทางเลือก การท่องเที่ยว จะกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างกัน ทั้งด้านบุคลากรและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และสาขาพลังงาน เศรษฐกิจสีเขียว และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านพลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด และการกักเก็บแบตเตอร์รี่
นอกจากนี้ ความตกลง TAFTA (ทาฟต้า) จะครบรอบ 20 ปี ในปี 2568 โดยทั้งสองฝ่ายจะเดินหน้าส่งเสริมการค้าและการลงทุน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลการลดอุปสรรคการค้าระหว่างกัน และเห็นพ้องว่าการรับฟังความเห็นของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นสิ่งสำคัญในการเตรียมความพร้อม เพื่อขับเคลื่อนและอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมา กรมได้มีความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ รวมถึงภาคเกษตรกร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตลาดสินค้านมส่วนที่เหลือตามความตกลง ซึ่งกรมยินดีที่จะหารือร่วมกับออสเตรเลียในประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ อาทิ การอำนวยความสะดวกการค้าสินค้าเกษตร การปรับปรุงกฎระเบียบ การเพิ่มโอกาสด้านการลงทุนระหว่างกัน และการผลักดันเรื่องคุณสมบัติวิชาชีพ
ทั้งนี้ ออสเตรเลียเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของไทย โดยในปี 2566 การค้าระหว่างไทยและออสเตรเลีย มีมูลค่า 18,979.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.62 จากปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปออสเตรเลีย มูลค่า 12,106 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากออสเตรเลีย มูลค่า 6,873.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดิบ และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช
29 กุมภาพันธ์ 2567
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ