วันที่ 11 เมษายน 2567 เวลา 8.30 น.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภายหลังหารือกับนายทอดด์ แม็คเคลย์ (Hon. Todd McClay) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้านิวซีแลนด์ ผ่านระบบการประชุมทางไกลเย็นวานนี้(10 เม.ย.67) ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อทำความรู้จักในโอกาสที่รัฐมนตรีแม็คเคลย์เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้านิวซีแลนด์เมื่อพฤศจิกายน 2566 พร้อมหารือประเด็นด้านการค้าระหว่างไทยและนิวซีแลนด์เพื่อขยายความร่วมมือและส่งเสริมมูลค่าการค้าระหว่างกัน
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้นปีหน้าไทยจะเปิดตลาดสินค้ากลุ่มนมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง และนมผงขาดมันเนย ตามความตกลงเอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์จำพวกเนย เบเกอรี่ โยเกิร์ต ไอศกรีม ของไทย ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มแต้มต่อและลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการในการผลิตสินค้าดังกล่าวและเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการไทยในการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์โยเกิร์ต ไอศกรีม ไปยังตลาดที่มีศักยภาพ เช่น อาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งนิวซีแลนด์ได้ยืนยันที่จะสนับสนุนความช่วยเหลือในการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมนมของไทยอย่างต่อเนื่องและจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการนมและโคนมไทยสอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมเกษตรกรโคนมของกระทรวงพาณิชย์
โดยที่ผ่านมากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการไทยผ่านโครงการ ?โคนมก้าวไกล ขยายตลาดส่งออกได้ด้วย FTA? มาเป็นระยะเวลากว่า 6 ปี ในการเตรียมความพร้อมเกษตรกรไทยบุกตลาดผลิตภัณฑ์นมในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เชื่อมโยงกับตลาดโลกด้วย
นายภูมิธรรม เสริมว่า ไทยและนิวซีแลนด์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในด้านเศรษฐกิจและการค้ามายาวนาน โดยทั้งสองฝ่ายเป็นสมาชิกความตกลงการค้าเสรีร่วมกันหลายฉบับ ทั้งเอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์ อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และความตกลงอาร์เซป ซึ่งในปี 2568 จะครบรอบ 20 ปี ของความตกลงเอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์ หรือชื่อที่เป็นทางการ คือ ความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP)
โดยหลังจากที่ความตกลงฉบับนี้มีผลใช้บังคับได้ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างไทยและนิวซีแลนด์เพิ่มสูงขึ้นกว่า 3 เท่า โดยสินค้าอุตสาหกรรมไทยส่งออกไปยังนิวซีแลนด์สูงสุด คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สำหรับสินค้าเกษตร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง ปัจจุบันไทยมุ่งเน้นนโยบายที่ให้ภาคเอกชนนำร่องตลาดการค้าและภาครัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน หวังว่าหลังจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พัฒนาการค้าไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อการขยายตัวและเติบโตทางการค้าอย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ นิวซีแลนด์แจ้งว่า พร้อมที่จะสนับสนุนไทยอย่างเต็มที่ในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD โดยมองว่าจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและการลงทุนของไทยในเวทีโลกต่อไปด้วย
โดยในปี 2566 ไทยและนิวซีแลนด์มีมูลค่าการค้าระหว่างกันรวม 2,242.32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 21.20 โดยไทยส่งออกไปนิวซีแลนด์ คิดเป็นมูลค่า 1,404.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ขณะที่ไทยนำเข้าจากนิวซีแลนด์ คิดเป็นมูลค่า 838.18ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์นม ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ เคมีภัณฑ์ และเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค
11 เมษายน 2567
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ