นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น (นายโคมูระ มาซาฮิโระ) ว่า ไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและยาวนาน ปีนี้ครบรอบ 137 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและญี่ปุ่น และเมื่อปี 2565 ได้ยกระดับเป็น ?หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน? ซึ่งญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ของไทย มีบริษัทญี่ปุ่นลงทุนในไทยเกือบ 6,000 ราย โดยในการพบกันครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการลงทุน แก้ปัญหาร่วมกัน โดยได้เชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นร่วมลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) ของไทย ที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการขนส่งที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของโลกในอนาคตที่จะเชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย รวมทั้งเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งที่เป็นยานยนต์สันดาปและยานยนต์สมัยใหม่ และลงทุนในพื้นที่ EEC สำหรับอุตสาหกรรมชั้นนำอื่น ๆ ที่ญี่ปุ่นมีศักยภาพ อาทิ เครื่องมือแพทย์ หุ่นยนต์ และพลังงานสะอาด อีกด้วย
?สำหรับภาคอุตสาหกรรมช่วงเปลี่ยนผ่านต้องมีแผนรองรับอย่างเหมาะสมให้เข้ากับกติกาโลกใหม่ เชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับตัวแล้ว ทั้งยานยนต์สันดาป และยานยนต์ไฟฟ้า ญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และไทยมีความได้เปรียบด้านโลจิสติกส์ จะสามารถใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตได้? นายภูมิธรรม กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการเดินทางระหว่างกัน ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและในด้านธุรกิจ โดยตนได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้มาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ล่าสุดรัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการออกมาตราการอำนวยความสะดวกให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจจากหลายประเทศรวมถึงญี่ปุ่น โดยขยายเวลาให้สามารถพำนักในประเทศไทยได้จากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน ให้นักธุรกิจญี่ปุ่นมีเวลาในการเจรจาธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น มีเวลาเรียนรู้วัฒนธรรมร่วมกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังได้ขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจไทยในการเดินทางไปยังญี่ปุ่นเช่นกัน
นายภูมิธรรม เพิ่มเติมว่า ไทยได้แสดงความพร้อมในการจัดทำอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ในงานเอ็กซ์โป 2025 ที่จะจัดขึ้นที่โอซากา (Expo 2025 Osaka Kansai)ในการนำศักยภาพของภูมิปัญญาของไทย ผสานกับศาสตร์ทางการแพทย์สมุนไพรไทยและนวัตกรรม รวมถึงอาหารแห่งอนาคต ซึ่งถือเป็น ?ซอฟต์พาวเวอร์? ของไทยที่มีชื่อเสียงเข้าร่วมการจัดแสดงครั้งนี้ด้วย
ปัจจุบันญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย โดยในช่วง 5 เดือนของปี 2567 (มกราคม ? พฤษภาคม) มีมูลค่าการค้ารวม 21,431.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 9,678.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้ามูลค่า 11,752.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังญี่ปุ่น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากญี่ปุ่น ได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น
11 กรกฎาคม 2567
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ