นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้พบหารือกับปลัดกระทรวงกิจการเศรษฐกิจของสมาพันธรัฐสวิส (นางเฮเลเนอร์ บุดลีเกอร์) พร้อมทั้งเอกอัครราชทูตสวิสและเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำประเทศไทย รวมถึงผู้แทนสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association : EFTA) หรือ ?เอฟตา? ทั้งนี้เอฟตา ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ คือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ เพื่อเร่งรัดการเจรจา FTA ระหว่างไทยกับเอฟตาซึ่งอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเจรจาให้สามารถสรุปผลได้ตามเป้าหมายภายในสิ้นปี 2567 ที่ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งใจไว้ร่วมกัน
นายพิชัย เสริมว่าการเจรจา FTA กับเอฟตารอบล่าสุด คือรอบที่ 10 เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 มีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังคงเหลือประเด็นคงค้างบางประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายต้องหาข้อสรุปที่สามารถยอมรับร่วมกัน ซึ่งในวันนี้ ได้นำทีมกระทรวงพาณิชย์หารือกับฝ่าย EFTA เพื่อเร่งรัดผลักดันให้ทั้งสองฝ่ายหาข้อสรุปในประเด็นคงค้างและสามารถสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ การเจรจา FTA ไทย-เอฟตา เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่กระทรวงพาณิชย์ผลักดันเพื่อขยายโอกาสการค้าและการลงทุนของไทย เนื่องจากประเทศสมาชิกเอฟตาเป็นตลาดที่มีศักยภาพ มีกำลังซื้อสูงและ FTA ฉบับนี้ยังจะช่วยพัฒนายกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยเนื่องจากเอฟตามีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยซึ่งไทยสามารถมีความร่วมมือในการเสริมสร้างศักยภาพกับเอฟตาภายใต้ FTA ฉบับนี้
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา เอฟตา เป็นคู่ค้าที่สำคัญอันดับที่ 16 ของไทย มีมูลค่าการค้ากับไทย 9,882.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 1.72 ของการค้าทั้งหมดของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปเอฟตา 4,385.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากเอฟตา 5,497.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และเครื่องใช้สำหรับเดินทาง ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สำหรับบริโภค และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม
18 ตุลาคม 2567
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ