?ไทย-ภูฏาน? ถก FTA ครั้งที่ 3 คืบหน้ารวดเร็ว สรุปร่างความตกลงได้ 9 จาก 11 บท ครอบคลุมทั้งการค้าสินค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ส่วนประเด็นทางเทคนิคคืบหน้ามาก ทั้งขอบเขตและรูปแบบการเปิดตลาดการค้าสินค้า การจัดทำกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า คาดจะสรุปผลได้ในการประชุมครั้งถัดไป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ เตรียมชงรัฐมนตรีสองฝ่ายประกาศสรุปผลการเจรจาหรือลงนามความตกลงฯ ในช่วงกลางปี 68
นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ตนได้เป็นหัวหน้าคณะเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ภูฏาน ครั้งที่ 3 ซึ่งภูฏานเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 11-13 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ เมืองพาโร ราชอาณาจักรภูฏาน โดยการเจรจารอบนี้ มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งสองฝ่ายสามารถสรุปร่างความตกลงฯ ได้ทั้งหมด 9 จาก 11 บท ซึ่ง FTA ฉบับนี้ จะครอบคลุมประเด็นการค้าสินค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สำหรับการหารือประเด็นทางเทคนิคมีความคืบหน้ามาก อาทิ ขอบเขตและรูปแบบการเปิดตลาดการค้าสินค้า และการจัดทำกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า โดยประเมินว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ในการประชุมครั้งถัดไปที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 17-19 กุมภาพันธ์ 2568 และจะเสนอให้รัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายพิจารณาร่วมประกาศสรุปผลการเจรจาหรือลงนามความตกลงฯ ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568
นางสาวโชติมา กล่าวว่า FTA ไทย-ภูฏาน ถือเป็น FTA ฉบับแรกที่ภูฏานจัดทำกับประเทศนอกกลุ่มสมาคมเอเชียใต้เพื่อความร่วมมือระดับภูมิภาค (SAARC) ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่จะมี FTA ด้วย และภูฏานมีแผนที่จะเริ่มเจรจาจัดทำ FTA กับสิงค์โปร์ สำหรับสินค้าของไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จาก FTA อาทิ สินค้าเกษตรและอาหาร ผลไม้อบแห้ง น้ำผลไม้ เส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป และอาหารปรุงแต่ง สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ทั้งนี้ ภูฏานให้ความสำคัญทางการค้ากับไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งไทยเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าลำดับที่ 4 ของภูฏาน รองจากอินเดีย จีน และสิงค์โปร์ โดยในปี 2566 การค้าระหว่างไทยกับภูฏาน มีมูลค่า 640.23 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 638.03 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 2.20 ล้านบาท สำหรับในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค. 2567) การค้าระหว่างไทยกับภูฏาน มีมูลค่า 597.33 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 596.15 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 1.18 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผ้าผืน ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป ผลไม้แห้ง และเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ผลิตภัณฑ์โลหะ ศิลปกรรม และถั่งเช่า
14 ธันวาคม 2567
ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ