รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยความคืบหน้าการจัดทำความตกลงการค้าเสรีในกรอบต่างๆย้ำ FTA ภาพรวมส่งผลดี แต่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจบางกลุ่ม เตือนผู้ประกอบการต้องติดตามและศึกษาใช้ประโยชน์จากการจัดทำความตกลงการค้าเสรีต่างๆ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึง การจัดงานสัมมนา “ความท้าทายใหม่ของธุรกิจไทย ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีล่าสุดระหว่างอาเซียนและประเทศคู่เจรจาใหม่” ว่าปัจจุบันความตกลงการค้าเสรีของไทยที่มีผลบังคับใช้แล้ว คือ ไทย-ออสเตรเลีย ไทย-นิวซีแลนด์ ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-อินเดีย (82 รายการ ) และอาเซียน-จีน รวมถึงเขตการค้าเสรีอาเซียนหรือ AFTA ซึ่งไทยเป็นสมาชิกอยู่และจะพัฒนาไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ภายในปี 2558
ทั้งนี้ยังมีความตกลงรอบใหม่อื่นๆที่ไทยมีส่วนร่วมในฐานะของสมาชิกอาเซียนและมีความเคลื่อนไหวในปัจจุบัน เช่น ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ที่มีการลงนามแล้วในเดือนเมษายน 2551 ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งในเดือนพฤษภาคม 2549 อาเซียน 9 ประเทศ (ยกเว้นไทย) และเกาหลีได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างกัน แต่ในส่วนของไทยยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ และอีกความตกลงคือการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ที่ยังเจรจากันอยู่ในขณะนี้
“หากมองในภาพรวมการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีจะส่งผลดี แต่ในภาพย่อยจะพบว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศมีความซับซ้อน การเปิดเสรีทางการค้าอาจส่งผลดีต่อภาคธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง แต่อาจก่อให้เกิดผลเสียหายต่อภาคธุรกิจอื่นได้ ทั้งในภาคการค้าในประเทศและความสามารถในการส่งออก ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องควรจะรับทราบเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงการค้าเสรี ความคืบหน้า ตลอดจนผลกระทบของการเปิดเสรีที่อาจเกิดกับธุรกิจ ทั้งในกรณีของผลบวก ภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องจะสามารถวางแผนล่วงหน้าเพื่อที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนในกรณีของผลกระทบ ภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้เตรียมวางแผนและเตรียมความพร้อมเพื่อปรับตัวรองรับผลที่อาจเกิดขึ้นต่อไป” นายวิรุฬกล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630
-พห-