นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม ศกนี้ ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยการประชุมครั้งนี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะลงนามความตกลงเศรษฐกิจที่สำคัญ หลายฉบับ ได้แก่
1. ความตกลงการค้าสินค้าฉบับใหม่ของอาเซียน (ASEAN Trade In Goods Agreement: ATIGA) เป็นความตกลงที่ได้ปรับปรุงจากความตกลงว่าด้วยอัตราภาษีพิเศษที่เท่ากัน (CEPT) ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน โดยความตกลงนี้จะมีรายละเอียดครอบคลุมการดำเนินงานในด้านการค้าของอาเซียนที่กว้างขวางมากขึ้น เช่น การลดภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน มาตรการที่มิใช่ภาษี การอำนวยความสะดวกทางการค้า กระบวนการศุลกากร มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรการเทคนิคที่เป็นอุปสรรคทางการค้า เป็นต้น รวมทั้งให้อิงร่างความตกลงการค้าสินค้าที่อาเซียนได้จัดทำร่วมกับประเทศคู่เจรจาอื่นๆ เพื่อให้มีความทัดเทียมกัน
2. ความตกลงด้านการลงทุนแบบเต็มรูปแบบ (ASEAN Comprehensive Investment Agreement: ACIA) เป็นความตกลงที่ได้ปรับปรุงโดยรวมความตกลงการลงทุน (AIA) และความตกลงการคุ้มครองการลงทุน (IGA) ฉบับเดิมของอาเซียน เพื่อให้มีขอบเขตครอบคลุมไว้ภายใต้ความตกลงฉบับเดียว ซึ่งรวมเรื่องการเปิดเสรีด้านการลงทุนในภาคการผลิต เกษตร ประมง ป่าไม้ เหมืองแร่ และบริการที่เกี่ยวข้อง การคุ้มครองการลงทุน รวมทั้งการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน ซึ่งความตกลงนี้จะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของการลงทุนภายในภูมิภาค สร้างความโปร่งใส และเป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล
3. ข้อตกลงยอมรับร่วมใน 3 สาขาวิชาชีพ (แพทย์ ทันตแพทย์ และบัญชี) เป็นข้อตกลงที่จะเปิดโอกาสให้บุคลากรในสาขาวิชาชีพดังกล่าว ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถขอการรับรอง ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนในการตรวจสอบ/รับรองวุฒิการศึกษา หรือความรู้ทางวิชาชีพในประเทศอาเซียนอื่นได้ อย่างไรก็ดี ยังต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผ่านการทดสอบเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพภายในของประเทศนั้นๆ ด้วย ทั้งนี้อาเซียนอื่น 9 ประเทศได้ลงนามข้อตกลงดังกล่าวไปก่อนแล้วในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 40 เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ในส่วนของประเทศไทยเมื่อผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว จะได้ลงนามร่วมในข้อตกลงดังกล่าวต่อไป
(ต่อด้านหลัง)
4. ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี อาเซียน (ยกเว้นประเทศไทย) และเกาหลีได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าและความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ เมื่อเดือนสิงหาคม 2549 และเดือนพฤศจิกายน 2550 ตามลำดับ โดยความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้ามีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2550 ในส่วนของไทยหลังจากบรรลุข้อตกลงทั้งสองฉบับเมื่อปลายปี 2550 ได้ร่วมกับอาเซียนและเกาหลีจัดทำพิธีสารเพื่อให้ไทยเข้าร่วมความตกลงฯ โดยมีกำหนดลงนามในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้เช่นกัน รายละเอียดความตกลงสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ “www.thaifta.com”
อธิบดีกล่าวต่อว่า การเข้าร่วมลงนามเป็นภาคีในความตกลงต่างๆ ดังกล่าวจะเป็นก้าวสำคัญของไทยและอาเซียนในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 และเพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติมาตรา 190 ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2550 เรื่องการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่จะต้องจัดให้มีการเผยแพร่และรับฟังความเห็นของประชาชนก่อนการจัดทำความตกลงดังกล่าว กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เผยแพร่ความตกลงดังกล่าวไว้ในเว็บไซต์ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศแล้วที่ “www.dtn.go.th” ประชาชนที่สนใจทั่วไปสามารถเข้ามาศึกษา หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2507-7555
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630