ไทย-จีน หารือเร่งขยายการค้า การลงทุน และหนุนการท่องเที่ยว ระหว่างสองฝ่ายสู่เป้าหมายที่กำหนด 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2553 รวมทั้งร่วมมือแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ อย่างมีระบบ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2553 นายเกา เหวินควน (Mr. Gao Wenkuan) ที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าพบและหารือเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เส้นทางการเชื่อมโยงไทย — จีน และต่อไปยังภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะระบบราง “Rail System” และ ระบบรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างไทย — จีน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มช่องทางการคมนาคมและการขนส่งสินค้าระหว่างไทยและจีน ตลอดจนอำนวยความสะดวกทางการค้าภายใต้ความตกลงการค้าอาเซียน-จีนให้รวดเร็วและประหยัดยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งจีนให้ความสนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากมีแผนที่จะพัฒนา logistics ลงมาทางตอนใต้ของจีนอยู่แล้วเพื่อเชื่อมต่อกับภูมิภาคอาเซียน ผ่านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ระบบราง และระบบรถไฟความเร็วสูง โดยจะผลักดันการสร้างความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไปการพัฒนาดังกล่าวจะมีส่วนช่วยภาคการท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันชาวจีนนิยมมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันติดปัญหาในเรื่องเที่ยวบินระหว่างไทยกับจีนที่ไม่เพียงพอในบางช่วงเวลาและไม่เป็นระบบ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ เห็นว่าการพัฒนาระบบราง และระบบรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย—จีน จะช่วยเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวระหว่างประชาชนไทยและประชาชนจีนได้มากขึ้น
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้แจ้งต่อจีนว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางพรทิวา นาคาศัย) ได้มอบนโยบายที่จะเร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการตามแผนพัฒนาระยะ 5 ปี ภายใต้ความตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Agreement on Expanding and Deeping Bilateral Economic and Trade Cooperation : EDBETC) เพื่อผลักดันให้การค้าสองฝ่ายบรรลุเป้าหมายตามที่ตกลงกันไว้ที่ 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันสถิติการค้าในฐานข้อมูลประเทศจีน ในปี 2551 (ก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ) มีมูลค่าการค้าประมาณ 41,200 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ คาดว่าการร่างแผนพัฒนาระยะ 5 ปีภายใต้ความตกลงดังกล่าวจะช่วยขยายตัวเลขนักท่องเที่ยวให้ถึงเป้าหมาย 4 ล้านคน ในปี 2553 รวมถึงเป้าหมายการลงทุน 6,500 ล้านเหรียญสหรัฐระหว่างกันโดยเร็ว ซึ่งจีนให้ความสำคัญที่จะเร่งรัดให้การค้าของไทยจีนสู่เป้าหมายที่กำหนด ดังนั้น แนวโน้มการค้าน่าจะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด ในส่วนของการลงทุนจากจีนในภูมิภาคอาเซียนมีการเพิ่มขึ้น แต่การลงทุนจากไทยในจีน ในช่วง 2 -3 ปีนี้ลดลงเล็กน้อย
นอกจากนี้ ไทยได้แสดงความเป็นห่วงถึงปัญหาการคมนาคมทางน้ำ (เส้นทางแม่น้ำโขง) ซึ่งมีปริมาณน้ำลดลงเป็นอย่างมาก โดยขอความร่วมมือจากประเทศจีนในการช่วยเหลือและลดผลกระทบสำหรับผู้ที่อยู่ด้านล่างเขื่อน เช่น ประเทศไทย ซึ่งจีนแจ้งว่าปัจจุบันปริมาณน้ำจากแหล่งต้นน้ำลดลงส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนลดลงเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ได้ขอให้ทางการจีนนำข้อมูลดังกล่าวออกเผยแพร่ให้ประชาชนไทยได้ทราบเพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างสองประเทศถึงปัญหาของการลดระดับน้ำของแม่น้ำโขง ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นควรให้มีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมการค้าการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน (JC) ซึ่งได้จัดมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ประธานร่วมฝ่ายไทย คือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในขณะนั้น กับรองนายกรัฐมนตรีจีน (มาดามอู๋อี๋) สำหรับขณะนี้รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ (ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ได้ให้ความสำคัญกับการประชุม JC ในครั้งต่อไป เพื่อช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายหลักของรัฐบาล คาดว่าการประชุมดังกล่าวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการพาณิชย์ของไทยและจีน ตลอดจนการลงทุนของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจีนจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้บริหารระดับสูง เพื่อกำหนดการจัดประชุมหารือโดยด่วนต่อไป โดยจะพิจารณาประเด็นที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านการค
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630