นายอลงกรณ์ พลบุตร นำคณะภาครัฐและเอกชนเยือนกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ในวันที่ 18 -20 พฤษภาคม 2553 สร้างความเชื่อมั่นนักธุรกิจ ขยายผลการใช้ประโยชน์จากการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย และผลักดันเจรจา FTA ไทย-อินเดียให้บรรุผลสำเร็จภายในปี 2553 นี้
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเดินทางไปยังกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ว่าได้ชี้แจงให้ภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงผู้สื่อข่าวของอินเดียได้ทราบและมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทยและอินเดียซึ่งอินเดียในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของอินเดียมีความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี และยังคงแสดงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย รวมถึงความมั่นใจว่าการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต และสามารถบรรลุเป้าหมายการค้า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2555 เนื่องจากทั้งสองประเทศมีกลไกสำคัญคือกรอบความตกลง FTA ไทย-อินเดีย การเปิดเสรีการค้าในกรอบอาเซียน-อินเดียที่มีผลไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา และกรอบความร่วมมือ BIMSTEC ซึ่งการเยือนในครั้งนี้ได้มีการหารือในเรื่องนี้กับรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย (นาย Jyotiraditya M. Scindia) ด้วย โดยเฉพาะในส่วนของการเจรจา FTA ไทย-อินเดีย ที่ตอนนี้มีเพียงการเปิดเสรีสินค้าแค่จำนวน 82 รายการ ที่เรียกว่า Early Harvest Scheme เท่านั้น จึงเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรเร่งเจรจาเปิดเสรีสินค้าที่เหลือให้สำเร็จภายในปีนี้ รวมถึงการเจรจาการค้าบริการและการลงทุนด้วย
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ระหว่างไทยกับอินเดีย โดยเห็นว่าทั้งไทยและอินเดียมีเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่สำคัญเหมือนกัน คือการสร้างสรรค์จากวัฒนธรรมภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งอินเดียยังประสบความสำเร็จอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง ภาพยนตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และซอฟท์แวร์ การที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของอินเดียจะช่วยให้การโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของรัฐบาลเติบโตอย่างต่อเนื่อง และไทยได้เชิญชวนให้อินเดียเข้าร่วมงาน World Creative Economic Forum ที่ไทยจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนศกนี้อีกด้วย ซึ่งอินเดียได้ให้การตอบรับ และรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดียยินดีรับเชิญเป็นหนึ่งใน Keynote Speaker
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการโลจิสติกส์การค้า ยังได้มีโอกาสหารือกับรัฐมนตรีคมนาคมทางถนนและทางหลวงของอินเดีย (นาย Kamal Nath) ซึ่งเห็นว่าการเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์กับการค้า เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างโอกาสใหม่ทางการค้าในอนาคต โดยใช้ประโยชน์จากเส้นทางขนส่งที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่รัฐบาลอินเดียให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้อย่างมาก เชื่อมต่อกับประเทศพม่า สู่ภาคตะวันตกของไทย ซึ่งจะช่วยให้การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น และอินเดียยังมีความตั้งใจปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานชั้นหนึ่ง โดยฝ่ายอินเดียได้เชิญชวนให้เอกชนไทยเข้าไปร่วมลงทุนกับอินเดียในสาขาการก่อสร้าง ในโอกาสนี้ยังได้ประชุมหารือกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย (FICCI) ซึ่งยังคงให้ความเชื่อมั่นว่าการค้าระหว่างไทย-อินเดียจะดำเนินไปได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมีการลดภาษีสินค้าภายใต้ FTA อาเซียน-อินเดียแล้ว แต่ยังคงให้ความสำคัญกับการเจรจาทวิภาคี โดยเห็นว่าเป็นกรอบที่จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนระหว่างไทยกับอินเดียได้มากกว่า และเห็นว่าทั้งไทยและอินเดียควรเร่งเจรจา FTA ไทย-อินเดีย นอกเหนือจาก EHS 82 รายการให้เสร็จโดยเร็ว โดยต้องมีผลประโยชน์ที่มากกว่า FTA อาเซียน-อินเดีย และอีกประเด็นสำคัญที่มีการพูดคุยกันก็คือการที่อินเดียจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน India — ASEAN Business Fair (AIBF) ในวันที่ 8-11 มกราคม 2554 ณ กรุงนิวเดลี โดยหวังจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากทั้งภาครัฐและเอกชนของไทย ซึ่งไทยเองก็ให้ความสำคัญกับงานครั้งนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการจัดขึ้นครั้งแรก ที่ตอกย้ำถึงความสำเร็จของการเจรจา FTA อาเซียน-อินเดีย ก็อยากเชิญชวนให้นักธุรกิจไทยเข้าร่วมงาน เพราะจะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ประชาสัมพันธ์สินค้าของตนเองให้เป็นที่รู้จักแก่ตลาดอาเซียนและอินเดีย และยังจะมีการจัดกิจกรรมอื่นๆ ในงานด้วย ทั้งการประชุมทางธุรกิจ การแสดงวัฒนธรรม และการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นต้น
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630