นายอัครพล ลีลาจินดามัย ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชนในเรื่องการจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-สหภาพยุโรป (THAI-EU FTA) กล่าวในวันนี้ว่า การรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนในรูปแบบกลุ่มย่อยทั้งสินค้าและบริการได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปและประมวลผลเพื่อจัดทำข้อคิดเห็นและเสนอแนะรายงานต่อคณะกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เพื่อนำเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และคณะรัฐมนตรีพิจารณาว่าไทยควรจะจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปหรือไม่ต่อไป
คณะอนุกรรมการเอกชนได้จัดรับฟังความคิดเห็นรวม 9 ครั้ง 19 กลุ่มอุตสาหกรรม ในภาพรวมภาคเอกชนมีทั้งสนับสนุนและแสดงความห่วงกังวลหากไทยจะทำ FTA กับสหภาพยุโรป ซึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนเห็นเป็นโอกาสที่จะขยายการส่งออกไปยังตลาดยุโรปและช่วงชิงความได้เปรียบทางภาษีที่มีเหนือคู่แข่งขันทางการค้าอื่นๆ ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังไม่พร้อมแข่งขันจะขอระยะเวลาปรับตัวและเห็นว่า แม้จะลดภาษีนำเข้าลงแต่สหภาพยุโรปยังมีมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเข้าตลาด เช่น มาตรการความปลอดภัยอาหาร มาตรฐานสิ่งแวดล้อม แรงงานและ CSR ซึ่งภาครัฐต้องเร่งเตรียมความพร้อมให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ SMEs รวมทั้งต้องพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรเฉพาะด้าน รวมถึงการให้สหภาพยุโรปยอมรับมาตรฐานการตรวจสอบรับรองสินค้า และผลักดันให้มีกลไกความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องการถ่ายทอดเทคโนโลยีกับสหภาพยุโรป
ในด้านมาตรการรองรับและปรับตัวจากการเปิดเสรีการค้า นายอัครพล กล่าวว่า “กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินการช่วยเหลือและปรับตัวให้กับผู้ผลิตที่อาจได้รับผลกระทบจาก FTA มาโดยตลอด แต่ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ยังเป็นลักษณะโครงการ จึงอาจมีปัญหา เรื่องการเข้าถึงและความไม่แน่นอนของเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจจะตั้งเป็นรูปแบบของกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบโดยมีกฎหมายรับรองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินการให้ดียิ่งขึ้น”
นายอัครพล กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “การที่ไทยได้ร่วมกับอาเซียนก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 2558 จะส่งผลให้ไทยมีแหล่งวัตถุดิบที่กว้างขวางเพื่อนำเข้ามาและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าส่งออกไปยังสหภาพยุโรป อีกทั้งกระบวนการในการเปิดเสรีทางการค้าในกรอบ AFTA ทั้งการลดภาษีสินค้าและลดอุปสรรคด้านการค้าบริการ จะช่วยเตรียมความพร้อมในระดับหนึ่งให้กับไทย หากมีการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปในอนาคต”
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ยังพบหารือกับภาคเอกชนอยู่อย่างต่อเนื่อง และหากท่านใดต้องการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมสามารถให้ข้อมูลได้ที่คณะอนุกรรมการฯ โดยตรงหรือที่ www.ThaiEUfta.com และในงานเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในเรื่อง “คิดเห็นอย่างไร เตรียมพร้อมหรือไม่ จะรับมืออย่างไรหากไทยจัดทำ FTA กับสหภาพยุโรป” ในวันที่ 10 สิงหาคม 2553 เวลา 9.30-16.30 น. ณ ห้องจูปิเตอร์ 4-7 อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพคเมืองทองธานี ก่อนที่คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นฯ จะประชุมพิจารณาผลการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด เพื่อเสนอแนะแนวทางต่อคณะกรรมการเพื่อรับฟังความคิดเห็นฯ ในวันที่ 11 สิงหาคมศกนี้ต่อไป.
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 44/100 ถ.นนทบุรี1 ต. บางกระสอ อ. เมือง จ. นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ (66) 2507-7444 แฟกซ์ (66) 2547-5630