จากการที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทยและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 111 คนเป็นเวลา 5
ปี จากคดีการจ้างพรรคเล็กให้ลงเลือกตั้ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากคดีดังกล่าวโดยไม่ถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคไม่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือก
ตั้ง ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวได้ส่งผลโดยตรงต่ออนาคตทางการเมืองของประเทศไทยและเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วทุกวงการ ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์
สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพจึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “อนาคตการเมืองไทยหลังการตัดสินคดียุบพรรคการเมือง” โดยเก็บข้อมูล
จากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเฉพาะผู้ที่ติดตามข่าวเรื่องการยุบพรรคการเมือง จำนวน 1,032 คน เมื่อวันที่ 2-4
มิถุนายน 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1. ความคิดเห็นต่อผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมืองของตุลาการรัฐธรรมนูญในภาพรวม
- เห็นด้วย..............................................ร้อยละ 52.3
- ไม่เห็นด้วย............................................ร้อยละ 28.4
- ไม่แสดงความเห็น.......................................ร้อยละ 19.3
เมื่อพิจารณาความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยแต่ละประเด็น ได้แก่ การไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ การไม่เพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคประชา
ธิปัตย์ การยุบพรรคไทยรักไทย และการเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย พบว่า
1.1 การวินิจฉัยไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 59.4
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 32.4
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 8.2
1.2 การวินิจฉัยไม่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เป็นเวลา 5 ปี
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 46.9
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 28.3
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 24.8
1.3 การวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 61.1
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 31.8
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 7.1
1.4 การวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเป็นเวลา 5 ปี
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 45.1
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 31.2
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 23.7
2. ความเชื่อมั่นต่ออนาคตการเมืองไทยหลังตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำนิจฉัยในคดียุบพรรคการเมือง
- เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น..................................ร้อยละ 22.7
- เชื่อว่าสถานการณ์จะแย่ลง.................................ร้อยละ 28.1
- เชื่อว่าสถานการณ์จะเหมือนเดิม.............................ร้อยละ 29.5
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 19.7
3. ความคิดเห็นต่อการยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและตั้งพรรคการ
เมืองใหม่พบว่า
- เห็นด้วยกับการยกเลิกประกาศดังกล่าว........................ร้อยละ 58.8
- ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกประกาศดังกล่าว......................ร้อยละ 29.4
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 11.8
4. ความคิดเห็นต่อการอนุญาตให้มีการจดทะเบียนพรรคใหม่โดยใช้ชื่อ “ไทยรักไทย” อย่างเดิม
- ควรอนุญาต............................................ร้อยละ 23.8
- ไม่ควรอนุญาต..........................................ร้อยละ 41.5
- ไม่แสดงความเห็น.......................................ร้อยละ 34.7
5. เมื่อถามกลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่าเลือกพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 45.5 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดว่าหากมี
การจัดตั้งพรรคใหม่โดยมีอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะลงคะแนนเลือกพรรคใหม่ดังกล่าวหรือไม่ พบว่า
- เลือก................................................ร้อยละ 21.5
- ไม่เลือก..............................................ร้อยละ 7.5
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 16.5
6. ความคิดเห็นต่อการเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ในเดือนธันวาคม 2550
- เห็นว่าควรเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม.............ร้อยละ 44.0
- เห็นว่าไม่ควรเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม...........ร้อยละ 27.5
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 28.5
7. ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอยากได้รัฐบาลพรรคเดียวหรือรัฐบาลผสมหลายพรรค
- อยากได้รัฐบาลพรรคเดียว.................................ร้อยละ 48.0
- อยากได้รัฐบาลผสมหลายพรรค..............................ร้อยละ 52.0
8. บุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ..................................ร้อยละ 39.0
- พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร...................................ร้อยละ 21.5
- นายชวน หลีกภัย.......................................ร้อยละ 4.8
- พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์..................................ร้อยละ 2.8
- นายบรรหาร ศิลปอาชา..................................ร้อยละ 2.7
- นายจาตุรนต์ ฉายแสง...................................ร้อยละ 2.3
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์..................................ร้อยละ 2.0
- ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์..............................ร้อยละ 2.0
- บุคคลอื่น อาทิ นายศุภชัย พานิชภักดิ์,
พล.อ.สนธิ บุณยะรัตกลิน, นายเสนาะ เทียนทอง,
นายอานันท์ ปันยารชุน, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ฯลฯ.............. .............ร้อยละ 13.6
- ไม่มีผู้เหมาะสม.........................................ร้อยละ 9.3
9. ความคิดเห็นต่อสิ่งที่คิดว่า คมช. ควรทำมากที่สุดในช่วงนี้
- ดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อย ไม่มีเหตุวุ่นวาย......ร้อยละ 28.2
- ดำเนินการแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความสงบสุข...ร้อยละ 20.7
- คืนอำนาจแก่ประชาชนโดยเร็ว..............................ร้อยละ 17.9
- รีบแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศให้กลับมามีความน่าเชื่อถือ...........ร้อยละ 13.5
- จัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดและวางตัวเป็นกลาง..................ร้อยละ 12.8
- ปราบทุจริตคอรัปชั่นให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม.................ร้อยละ 5.0
- ดำเนินการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร....................ร้อยละ 1.3
- อื่นๆอาทิ อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย..ร้อยละ 0.6
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
เพื่อสะท้อนข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับอนาคตการเมืองไทยหลังการตัดสินคดียุบพรรคการเมืองให้สาธารณชนและหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยการสุ่มเขตการปกครองจำนวน 23 เขต จาก 50 เขต
ของกรุงเทพมหานคร ทั้งเขตชั้นใน เขตชั้นกลาง และเขตชั้นนอก ได้แก่ เขตคลองเตย คลองสาน จตุจักร ดอนเมือง ดุสิต ตลิ่งชัน บางเขน
บางคอแหลม บางแค บางนา บางพลัด บึงกุ่ม ประเวศ พญาไท พระนคร มีนบุรี ราชเทวี ลาดกระบัง ลาดพร้าว สายไหม หนองแขม หนองจอก หลัก
สี่ และปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ จากนั้นสุ่มถนน และประชากรเป้าหมายอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ระบุว่าติดตามข่าว
เรื่องคดียุบพรรคการเมือง ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,032 คน เป็นเพศชายร้อยละ 55.1 และเพศหญิงร้อยละ 44.9
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีความคลาดเคลื่อน ฑ 5% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 2-4 มิถุนายน 2550
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 5 มิถุนายน 2550
ตาราง ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 569 55.1
หญิง 463 44.9
อายุ
18-25 ปี 275 26.6
26-35 ปี 316 30.6
36-45 ปี 266 25.8
46 ปีขึ้นไป 175 17.0
การศึกษา
ต่ำกว่าปริญญาตรี 468 45.3
ปริญญาตรี 526 51.0
สูงกว่าปริญญาตรี 38 3.7
อาชีพ
ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 92 8.9
พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 350 33.9
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 221 21.4
รับจ้างทั่วไป 166 16.1
พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 58 5.6
อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ เกษตรกร นิสิตนักศึกษา ฯลฯ 145 14.1
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-
ปี จากคดีการจ้างพรรคเล็กให้ลงเลือกตั้ง ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์รอดพ้นจากคดีดังกล่าวโดยไม่ถูกยุบและกรรมการบริหารพรรคไม่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือก
ตั้ง ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าวได้ส่งผลโดยตรงต่ออนาคตทางการเมืองของประเทศไทยและเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วทุกวงการ ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์
สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพจึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “อนาคตการเมืองไทยหลังการตัดสินคดียุบพรรคการเมือง” โดยเก็บข้อมูล
จากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลเฉพาะผู้ที่ติดตามข่าวเรื่องการยุบพรรคการเมือง จำนวน 1,032 คน เมื่อวันที่ 2-4
มิถุนายน 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1. ความคิดเห็นต่อผลการวินิจฉัยคดียุบพรรคการเมืองของตุลาการรัฐธรรมนูญในภาพรวม
- เห็นด้วย..............................................ร้อยละ 52.3
- ไม่เห็นด้วย............................................ร้อยละ 28.4
- ไม่แสดงความเห็น.......................................ร้อยละ 19.3
เมื่อพิจารณาความคิดเห็นต่อคำวินิจฉัยแต่ละประเด็น ได้แก่ การไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ การไม่เพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคประชา
ธิปัตย์ การยุบพรรคไทยรักไทย และการเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย พบว่า
1.1 การวินิจฉัยไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 59.4
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 32.4
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 8.2
1.2 การวินิจฉัยไม่เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เป็นเวลา 5 ปี
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 46.9
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 28.3
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 24.8
1.3 การวินิจฉัยให้ยุบพรรคไทยรักไทย
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 61.1
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 31.8
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 7.1
1.4 การวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยเป็นเวลา 5 ปี
- เห็นด้วย...................................ร้อยละ 45.1
- ไม่เห็นด้วย.................................ร้อยละ 31.2
- ไม่แสดงความเห็น............................ร้อยละ 23.7
2. ความเชื่อมั่นต่ออนาคตการเมืองไทยหลังตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำนิจฉัยในคดียุบพรรคการเมือง
- เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น..................................ร้อยละ 22.7
- เชื่อว่าสถานการณ์จะแย่ลง.................................ร้อยละ 28.1
- เชื่อว่าสถานการณ์จะเหมือนเดิม.............................ร้อยละ 29.5
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 19.7
3. ความคิดเห็นต่อการยกเลิกประกาศคณะปฏิรูปการปกครองฯ ฉบับที่ 15 และ 27 ที่ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองและตั้งพรรคการ
เมืองใหม่พบว่า
- เห็นด้วยกับการยกเลิกประกาศดังกล่าว........................ร้อยละ 58.8
- ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกประกาศดังกล่าว......................ร้อยละ 29.4
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 11.8
4. ความคิดเห็นต่อการอนุญาตให้มีการจดทะเบียนพรรคใหม่โดยใช้ชื่อ “ไทยรักไทย” อย่างเดิม
- ควรอนุญาต............................................ร้อยละ 23.8
- ไม่ควรอนุญาต..........................................ร้อยละ 41.5
- ไม่แสดงความเห็น.......................................ร้อยละ 34.7
5. เมื่อถามกลุ่มตัวอย่างที่ระบุว่าเลือกพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 45.5 ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดว่าหากมี
การจัดตั้งพรรคใหม่โดยมีอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังจะลงคะแนนเลือกพรรคใหม่ดังกล่าวหรือไม่ พบว่า
- เลือก................................................ร้อยละ 21.5
- ไม่เลือก..............................................ร้อยละ 7.5
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 16.5
6. ความคิดเห็นต่อการเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ในเดือนธันวาคม 2550
- เห็นว่าควรเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม.............ร้อยละ 44.0
- เห็นว่าไม่ควรเลื่อนการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม...........ร้อยละ 27.5
- ไม่แน่ใจ..............................................ร้อยละ 28.5
7. ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปอยากได้รัฐบาลพรรคเดียวหรือรัฐบาลผสมหลายพรรค
- อยากได้รัฐบาลพรรคเดียว.................................ร้อยละ 48.0
- อยากได้รัฐบาลผสมหลายพรรค..............................ร้อยละ 52.0
8. บุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
- นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ..................................ร้อยละ 39.0
- พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร...................................ร้อยละ 21.5
- นายชวน หลีกภัย.......................................ร้อยละ 4.8
- พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์..................................ร้อยละ 2.8
- นายบรรหาร ศิลปอาชา..................................ร้อยละ 2.7
- นายจาตุรนต์ ฉายแสง...................................ร้อยละ 2.3
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์..................................ร้อยละ 2.0
- ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์..............................ร้อยละ 2.0
- บุคคลอื่น อาทิ นายศุภชัย พานิชภักดิ์,
พล.อ.สนธิ บุณยะรัตกลิน, นายเสนาะ เทียนทอง,
นายอานันท์ ปันยารชุน, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ฯลฯ.............. .............ร้อยละ 13.6
- ไม่มีผู้เหมาะสม.........................................ร้อยละ 9.3
9. ความคิดเห็นต่อสิ่งที่คิดว่า คมช. ควรทำมากที่สุดในช่วงนี้
- ดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้เกิดความเรียบร้อย ไม่มีเหตุวุ่นวาย......ร้อยละ 28.2
- ดำเนินการแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความสงบสุข...ร้อยละ 20.7
- คืนอำนาจแก่ประชาชนโดยเร็ว..............................ร้อยละ 17.9
- รีบแก้ไขภาพลักษณ์ของประเทศให้กลับมามีความน่าเชื่อถือ...........ร้อยละ 13.5
- จัดการเลือกตั้งให้เร็วที่สุดและวางตัวเป็นกลาง..................ร้อยละ 12.8
- ปราบทุจริตคอรัปชั่นให้เห็นผลชัดเจนเป็นรูปธรรม.................ร้อยละ 5.0
- ดำเนินการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร....................ร้อยละ 1.3
- อื่นๆอาทิ อนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับประเทศไทย..ร้อยละ 0.6
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
เพื่อสะท้อนข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับอนาคตการเมืองไทยหลังการตัดสินคดียุบพรรคการเมืองให้สาธารณชนและหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยการสุ่มเขตการปกครองจำนวน 23 เขต จาก 50 เขต
ของกรุงเทพมหานคร ทั้งเขตชั้นใน เขตชั้นกลาง และเขตชั้นนอก ได้แก่ เขตคลองเตย คลองสาน จตุจักร ดอนเมือง ดุสิต ตลิ่งชัน บางเขน
บางคอแหลม บางแค บางนา บางพลัด บึงกุ่ม ประเวศ พญาไท พระนคร มีนบุรี ราชเทวี ลาดกระบัง ลาดพร้าว สายไหม หนองแขม หนองจอก หลัก
สี่ และปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ จากนั้นสุ่มถนน และประชากรเป้าหมายอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ระบุว่าติดตามข่าว
เรื่องคดียุบพรรคการเมือง ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,032 คน เป็นเพศชายร้อยละ 55.1 และเพศหญิงร้อยละ 44.9
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีความคลาดเคลื่อน ฑ 5% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 2-4 มิถุนายน 2550
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 5 มิถุนายน 2550
ตาราง ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 569 55.1
หญิง 463 44.9
อายุ
18-25 ปี 275 26.6
26-35 ปี 316 30.6
36-45 ปี 266 25.8
46 ปีขึ้นไป 175 17.0
การศึกษา
ต่ำกว่าปริญญาตรี 468 45.3
ปริญญาตรี 526 51.0
สูงกว่าปริญญาตรี 38 3.7
อาชีพ
ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 92 8.9
พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 350 33.9
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 221 21.4
รับจ้างทั่วไป 166 16.1
พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 58 5.6
อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ เกษตรกร นิสิตนักศึกษา ฯลฯ 145 14.1
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-