กรุงเทพโพลล์ ระบุ ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้นทำคนกรุงเทพฯ เดือดร้อน พร้อมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสามารถแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูที่เพิ่มสูงขึ้นได้
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจข้อมูลของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 8 - 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา พบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 72.5 ได้รับความเดือดร้อนจากการที่เนื้อหมูราคาเพิ่มสูงขึ้น โดยวิธีการรับมือกับปัญหาเนื้อหมูราคาแพงของคนกรุงเทพฯ พบว่า ร้อยละ 60.1 จะลดการบริโภคลง และหันไปบริโภคเนื้อสัตว์อย่างอื่นแทน เช่น ไก่ เนื้อ ปลา และผัก ร้อยละ 6.2 จะหยุดการบริโภค จนกว่าราคาเนื้อหมูจะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่ร้อยละ 33.7 จะยังคงบริโภคเหมือนเดิม เมื่อถามถึงสาเหตุสำคัญที่ทำให้เนื้อหมูมีราคาแพง
คนกรุงเทพฯ เห็นว่าเป็นเพราะ ระบบนายทุน พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ (ร้อยละ 33.5) รองลงมาคือ ราคาอาหารสัตว์แพงขึ้น (ร้อยละ 25.2) และสภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้หมูเป็นโรค (ร้อยละ 20.4) ส่วนราคาเนื้อหมูที่คนกรุงเทพฯ เห็นว่าพอที่จะจ่ายได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 138 บาท
สำหรับความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูที่เพิ่มสูงขึ้นพบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 54.5 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงเชื่อมั่นมาก ขณะที่ร้อยละ 45.5 ไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย ทั้งนี้สิ่งที่คนกรุงเทพฯ อยากฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่มากที่สุดในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนพบว่า อันดับแรกได้แก่ อยากให้ช่วยลดค่าครองชีพ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภคให้เหมาะสม ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน (ร้อยละ 57.9) รองลงมาคือ อยากให้ช่วยทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและการเพิ่มเงินเดือน (ร้อยละ 29.2) และอยากให้รัฐบาลช่วยดูแลเรื่องการกักตุนสินค้า ไม่ให้กลุ่มนายทุนและพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบผู้บริโภค (ร้อยละ 1.9)
โปรดพิจารณารายละเอียดต่อไปนี้ 1. ความเดือดร้อนจากปัญหาเนื้อหมูราคาเพิ่มสูงขึ้น พบว่า
เดือดร้อน ร้อยละ 72.5 ไม่เดือดร้อน ร้อยละ 27.5 2. วิธีการรับมือกับปัญหาเนื้อหมูราคาแพง คือ ลดการบริโภคลง และหันไปบริโภคเนื้อสัตว์อย่างอื่นแทน เช่น ไก่ เนื้อ ปลา และ ผัก ร้อยละ 60.1 ยังคงบริโภคเหมือนเดิม ร้อยละ 33.7 หยุดการบริโภค จนกว่าราคาเนื้อหมูจะกลับสู่ภาวะปกติ ร้อยละ 6.2 3. ความเห็นต่อสาเหตุที่เนื้อหมูมีราคาเพิ่มสูงขึ้น คือ ระบบนายทุน พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ ร้อยละ 33.5 ราคาอาหารสัตว์แพงขึ้น ร้อยละ 25.2 สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้หมูเป็นโรค ร้อยละ 20.4 เกิดพายุ / น้ำท่วม ร้อยละ 15.4 อื่นๆ อาทิเช่น ค่าขนส่ง ค่าน้ำมันแพง ร้อยละ 5.5 4. จากข่าวที่ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรคาดว่าภายในไม่เกินเดือนกันยายนนี้ ราคาเนื้อหมูจะขยับเพิ่มสูงขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 200 บาท ราคาเนื้อหมูที่ประชาชนพอที่จะจ่ายได้ อยู่ที่ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง) ราคา 100 - 120 บาท ร้อยละ 34.5 ราคา 121 - 140 บาท ร้อยละ 19.5 ราคา 141 - 160 บาท ร้อยละ 37.2 ราคา 161 - 180 บาท ร้อยละ 7.7 ราคา 181 - 200 บาท ร้อยละ 1.1
หมายเหตุ ราคาของเนื้อหมูที่ประชาชนพอที่จะจ่ายได้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 138 บาท
เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงเชื่อมั่นมาก ร้อยละ 54.5 (โดยแบ่งเป็นเชื่อมั่นค่อนข้างมากร้อยละ 34.2 และเชื่อมั่นมากร้อยละ 20.3) ไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย ร้อยละ 45.5 (โดยแบ่งเป็นไม่ค่อยเชื่อมั่นร้อยละ 37.1 และไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 8.4) 6. สิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน (3 อันดับแรก) คือ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง) อยากให้ช่วยลดค่าครองชีพ ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภคให้เหมาะสม ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ร้อยละ 57.9 อยากให้ช่วยทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและการเพิ่มเงินเดือน ร้อยละ 29.2 อยากให้รัฐบาลช่วยดูแลเรื่องการกักตุนสินค้า ไม่ให้กลุ่มนายทุนและพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบผู้บริโภค ร้อยละ 1.9
รายละเอียดในการสำรวจ วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
1. เพื่อให้ทราบถึงความเดือดร้อนจากปัญหาที่เนื้อหมูราคาเพิ่มสูงขึ้น 2. เพื่อให้ทราบถึงวิธีการรับมือกับปัญหาเนื้อหมูราคาแพง 3. เพื่อให้ทราบถึงความเห็นต่อสาเหตุที่ราคาเนื้อหมูเพิ่มสูงขึ้น 4. เพื่อให้ทราบถึงระดับราคาเนื้อหมูที่ประชาชนสามารถจะจ่ายได้ 5. เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลใหม่ในการแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูที่เพิ่มสูงขึ้น 6. เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ในการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปจากทุกสาขาอาชีพ ที่ไปจับจ่ายซื้อของในตลาดขนาดใหญ่จำนวน 10 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ตลาดคลองเตย (เขตคลองเตย) ตลาดบางเขน (เขตจตุจักร) ตลาดเทวราช (เขตดุสิต) ตลาดบางกะปิ (เขตบางกะปิ) ตลาดยิ่งเจริญ (เขตบางเขน) ตลาดกรุงธน (เขตบางพลัด) ตลาดอ่อนนุช (เขตวัฒนา) ตลาดหัวตะเข้ (เขตลาดกระบัง) ตลาดเอี่ยมสมบัติ (เขตสวนหลวง) และตลาดห้วยขวาง (เขตห้วยขวาง) ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบบเป็นระบบ (Systematic Sampling) และใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัว ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 808 คน เป็นเพศชายร้อยละ 48.5 และเพศหญิงร้อยละ 51.5
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างสำหรับผลสำรวจในภาพรวมมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 4% ที่ระดับ ความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และข้อคำถามปลายเปิด และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 8 - 9 สิงหาคม 2554 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 10 สิงหาคม 2554
ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน (คน) ร้อยละ เพศ ชาย 392 48.5 หญิง 416 51.5 รวม 808 100.00 อายุ 18 ปี — 25 ปี 182 22.5 26 ปี — 35 ปี 218 27.0 36 ปี — 45 ปี 192 23.8 46 ปีขึ้นไป 216 26.7 รวม 808 100.0 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 532 65.8 ปริญญาตรี 248 30.7 สูงกว่าปริญญาตรี 22 2.7 ไม่ระบุระดับการศึกษา 6 0.8 รวม 808 100.0 อาชีพ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ / ลูกจ้างราชการ 102 12.6 พนักงาน / ลูกจ้างบริษัทเอกชน 208 25.7 เจ้าของกิจการ 60 7.5 พ่อค้า / แม่ค้า / อาชีพอิสระ 148 18.3 รับจ้างทั่วไป 130 16.1 พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ / ว่างงาน 74 9.2 นักเรียน / นิสิต / นักศึกษา 86 10.6 รวม 808 100.0
จำนวน (คน) ร้อยละ รายได้ต่อเดือน
ไม่มีรายได้ 64 7.9 ไม่เกิน 10,000 บาท 280 34.7 10,001 — 20,000 บาท 308 38.1 20,001 — 30,000 บาท 94 11.6 30,001 — 40,000 บาท 34 4.3 40,001 — 50,000 บาท 14 1.7 มากกว่า 50,000 บาท 14 1.7 รวม 808 100.0
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--