นักศึกษาปี 4 69.4% เชื่อนโยบายเงินเดือน 15,000 กระทบต่อการหางาน
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของนิสิต นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายที่เรียนอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลจำนวน 1,185 คน พบว่าส่วนใหญ่เมื่อเรียนจบแล้วอยากทำงานในหน่วยงานเอกชน (ร้อยละ 39.6) รองลงมา คือ ประกอบธุรกิจส่วนตัว (ร้อยละ 25.7) หน่วยงานราชการ (ร้อยละ 18.2) และ รัฐวิสาหกิจ (ร้อยละ 16.5) ตามลำดับ
ทั้งนี้นิสิตนักศึกษาร้อยละ 41.9 ไม่แน่ใจในนโยบายของรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ให้ผู้ทำงานวุฒิปริญญาตรีมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท ว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ ในขณะที่ ร้อยละ 29.5 เชื่อว่าทำได้ และ ร้อยละ 28.6 เชื่อว่าทำไม่ได้
อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินนโยบายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น การให้เริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป (เห็นด้วยร้อยละ 61.7) การใช้คุณภาพของบัณฑิตเป็นตัวชี้วัดว่าใครควรจะได้ค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท (เห็นด้วยร้อยละ 57.1) และ สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปแต่รายได้ยังต่ำกว่า 15,000 บาทใช้วิธีเพิ่มค่าครองชีพ เพื่อให้ได้รับเงินเดือนรวมแล้วเป็น 15,000 บาท ต่อเดือน (เห็นด้วยร้อยละ 56.9)
นิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่เห็นว่าหากนโยบายข้างต้นมีผลบังคับใช้จริงจะส่งผลกระทบต่อการหางานเมื่อจบการศึกษาถึง ร้อยละ 69.4 (ได้แก่ อาจทำให้หางานยากขึ้น และเกณฑ์ในการรับสมัครน่าจะเข้มขึ้น ฯลฯ) ขณะที่ร้อยละ 30.6 ระบุว่าไม่ส่งผลกระทบ (โดยให้เหตุผลว่า เรียนในสาขาที่มีงานรองรับอยู่แล้ว มีสถานประกอบการเยอะ และตั้งใจจะเรียนต่อปริญญาโท ฯลฯ)
สำหรับความกังวลต่อนโยบายดังกล่าวคือกังวลว่าบริษัทเอกชนจะเปิดรับผู้ที่จบปริญญาตรีเข้าทำงานลดลงร้อยละ 30.0 รองลงมาคือกลัวจะถูกเลิกจ้างเมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งเพราะหน่วยงานแบกรับภาระเรื่องค่าจ้างไม่ไหวร้อยละ 18.5 และกลัวจะไม่มีงานทำและว่างงานร้อยละ 17.9
ส่วนเรื่องที่อยากฝากบอกรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากที่สุดคือ ให้เร่งทำทุกนโยบายให้เป็นจริงตามที่ได้หาเสียงไว้ร้อยละ 33.0 รองลงมาคือ ให้ประเทศพัฒนายิ่งขึ้น และนึกถึงประโยชน์ของประชาชนมาก่อนร้อยละ 12.0 และให้ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ร้อยละ 10.4
ดังรายละเอียดในตารางต่อไปนี้ 1. หน่วยงานที่นิสิตนักศึกษาอยากจะทำงานเมื่อเรียนจบแล้ว คือ
- เอกชน ร้อยละ 39.6 - ประกอบธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 25.7 - ราชการ ร้อยละ 18.2 - รัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.5 2. ความเชื่อมั่นที่มีต่อนโยบายของรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ให้ผู้ทำงานวุฒิปริญญาตรีมีรายได้ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 15,000 บาท คือ - เชื่อว่าทำได้ ร้อยละ 29.5 - เชื่อว่าทำไม่ได้ ร้อยละ 28.6 - ไม่แน่ใจ ร้อยละ 41.9 3. ความคิดเห็นต่อแนวทางของรัฐบาลที่จะดำเนินนโยบายจ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้ที่จบปริญญาตรีเดือนละ 15,000 บาท มีดังนี้ แนวทาง เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่แน่ใจ(ร้อยละ) - ให้เริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป 61.7 9.8 28.5 - ใช้คุณภาพของบัณฑิตเป็นตัวชี้วัดว่าใครควรจะได้เงินค่าจ้าง 15,000 บาท 57.1 16.3 26.6 - สำหรับผู้มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไปแต่รายได้ยังต่ำกว่า 15,000 บาทใช้วิธีเพิ่มค่าครองชีพ- เพื่อให้ได้รับค่าจ้างรวมแล้วเป็น 15,000 บาท ต่อเดือน 56.9 13.7 29.4 4. ผลกระทบต่อการหางานเมื่อจบการศึกษาหากนโยบายข้างต้นมีผลบังคับใช้จริง คือ - เชื่อว่าจะส่งผลกระทบ ร้อยละ 69.4
(ได้แก่ หางานยากขึ้น มีการแข่งขันแย่งงานกันมากขึ้น และเกณฑ์ในการรับสมัครอาจจะเข้มขึ้น ฯลฯ)
- เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ ร้อยละ 30.6
(โดยระบุว่า เรียนในสาขาที่มีงานรองรับอยู่แล้ว มีสถานประกอบการเยอะ มีธุรกิจส่วนตัว และตั้งใจจะเรียนต่อปริญญาโท ฯลฯ )
- กังวลว่าบริษัทเอกชนจะเปิดรับผู้ที่จบปริญญาตรีเข้าทำงานลดลง ร้อยละ 30.0 - กลัวจะถูกเลิกจ้างเมื่อทำงานไปได้ระยะหนึ่งเพราะหน่วยงาน ร้อยละ 18.5
แบกรับภาระเรื่องค่าจ้างไม่ไหว
- กลัวจะไม่มีงานทำ / ว่างงาน ร้อยละ 17.9 - เกิดการแข่งขันเพื่อเข้าทำงานราชการมากขึ้น ร้อยละ 13.9 - กังวลว่าต้องสมัครงานในวุฒิที่ต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 3.6 - อื่นๆ อาทิ กลัวเรื่องเงินเฟ้อ ของแพงขึ้น เป็นหนี้ เป็นต้น ร้อยละ 3.2 - ไม่กังวล ร้อยละ 12.9 6. เรื่องที่อยากฝากบอกรัฐบาล นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง) - ให้เร่งทำทุกนโยบายให้เป็นจริงตามที่ได้หาเสียงไว้ ร้อยละ 33.0 - ให้ประเทศพัฒนายิ่งขึ้น และนึกถึงประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ร้อยละ 12.0 - ให้ตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ร้อยละ 10.4 - ให้ทำงานอย่างสุจริต ไม่โกงกิน ร้อยละ 7.9 - ให้ทำนโยบายค่าตอบแทนปริญญาตรีเดือนละ 15,000 ให้สำเร็จ ร้อยละ 7.5
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่กำลังศึกษาในชั้นปีสุดท้าย เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่อง การจ่ายค่าตอบแทนผู้ทำงานในวุฒิปริญญาตรี เดือนละ 15,000 บาท ในประเด็นต่างๆ เพื่อสะท้อนมุมมองของนิสิตนักศึกษาให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และนำไปใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาให้เกิดประโยชน์กับประเทศต่อไป
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่กำลังศึกษาในชั้นปีสุดท้ายจากสถาบันอุดม ศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) จำนวนทั้งสิ้น 25 สถาบัน ด้วยการสุ่มสถาบันอุดมศึกษาของรัฐจำนวน 14 แห่ง และเอกชนจำนวน 11 แห่ง จากนั้นจึงสุ่มประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์อย่างเป็นระบบ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,185 คน เป็นเพศชาย ร้อยละ 51.4 และเพศหญิง ร้อยละ 48.6
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม ที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิด (Open Form) จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 25 — 30 สิงหาคม 2554 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 6 กันยายน 2554
ข้อมูลประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 609 51.4 หญิง 576 48.6 รวม 1,185 100.0 ประเภทของสถานศึกษา รัฐบาล 680 57.4 เอกชน 505 42.6 รวม 1,185 100.0
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--