ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน คน 1,195 พบว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 61.0 ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้กับแกนนำ/ผู้นำการชุมนุม เช่นเดียวกับการนิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.7 ระบุว่าไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ร่วมชุมนุม ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 45.4 ระบุว่าเห็นด้วย ขณะที่ ร้อยละ 34.2 ระบุว่าไม่เห็นด้วย ทั้งนี้เมื่อถามความคิดเห็นโดยรวมว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมพบว่า ประชาชนร้อยละ 55.1 ระบุว่าไม่เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 28.2 ที่ระบุว่าเห็นด้วย
ส่วนจุดประสงค์หลักของการออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรมในครั้งนี้ประชาชนร้อยละ 55.3 มีความเห็นว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของผู้มีอำนาจ/ นักการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น มีเพียงร้อยละ 28.7 ที่เห็นว่าทำเพื่อความปรองดองของคนในชาติ
สำหรับทิศทางการเมืองไทย หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระที่ 3 และนำมาประกาศใช้จริง ร้อยละ 41.3 เชื่อว่า อาจเกิดการชุมนุมต่อต้านขยายในวงกว้าง รองลงมาร้อยละ 15.1 เชื่อว่าทำให้ประชาชนสงบสุข ปรองดอง และร้อยละ 14.3 เชื่อว่าจะช่วยลดความตรึงเครียดทางการเมืองและสังคมลงได้
เมื่อถามว่าการชุมนุมคัดค้านการออก พ.ร.บ นิรโทษกรรมที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะสามารถยับยั้งการออกกฎหมายฉบับนี้ได้หรือไม่ ประชาชน ร้อยละ 46.8 คิดว่ายับยั้งไม่ได้ และมีเพียงร้อยละ 11.6 เท่านั้นที่คิดว่ายับยั้งได้
ส่วนกลิ่นอายของระดับความรุนแรงที่ประชาชนรู้สึกได้เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดที่จะนำการชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคือ การปิดถนนและยกระดับการชุมนุม เคลื่อนขบวนไปที่ต่างๆมากที่สุด(ร้อยละ 26.4) รองลงมาคือ การปิดถนน มีคนมาร่วมชุมนุมเยอะ และยืดเยื้อกินเวลานาน(ร้อยละ 24.4) และ การชุมนุมจะรุนแรงถึงขั้นต้องใช้กำลังเพื่อสลายการชุมนุม(ร้อยละ 15.0)
นอกจากนี้กรุงเทพโพลล์ได้ทำการวัดระดับความขัดแย้งทางความคิดด้านการเมืองของคนในสังคมไทยปัจจุบันพบว่า ร้อยละ50.4 เชื่อว่ามีความขัดแย้งอยู่ในระดับมาก รองลงมาร้อยละ 24.9 มีความขัดแย้งในระดับปานกลาง และร้อยละ 21.8 มีความขัดแย้งในระดับมากที่สุด และมีเพียงร้อยละ 1.8 และ1.1 เท่านั้นที่ระบุว่ามีความขัดแย้งอยู่ในระดับน้อยถึงน้อยที่สุด ตามลำดับ
รายละเอียดดังต่อไปนี้
เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่แน่ใจ รวม (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) - นิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ร่วมชุมนุม 45.4 34.2 20.4 100 - นิรโทษกรรมให้กับแกนนำ/ผู้นำการชุมนุม 21.9 61 17.1 100 - นิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองที่เกี่ยวข้อง 21.4 62.7 15.9 100 - การออกกฎหมายนิรโทษกรรมในภาพรวม 28.2 55.1 16.7 100 2. จุดประสงค์หลักของการออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรมในครั้งนี้ที่ประชาชนมอง - เพื่อประโยชน์ของผู้มีอำนาจ/ นักการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น ร้อยละ 55.3 - เพื่อความปรองดองของคนในชาติ ร้อยละ 28.7 - ไม่แน่ใจ ร้อยละ 16.0 3. ทิศทางการเมืองไทย หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมผ่านวาระที่ 3 และนำมาประกาศใช้จริง - อาจเกิดการชุมนุมต่อต้านขยายในวงกว้าง ร้อยละ 41.3 - จะทำให้ประชาชนสงบสุข ปรองดอง ร้อยละ 15.1 - ช่วยลดความตรึงเครียดทางการเมืองและสังคมลงได้ ร้อยละ 14.3 - อาจเกิดการแก้แค้นเอาคืนจากนักการเมืองที่ได้รับนิรโทษกรรม ร้อยละ 13.6 - จะมีการยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ทันที ร้อยละ 9.2 - อื่นๆ อาทิ ต้องมีการยกประเด็นเอาผิดในกรณีอื่นอีก ร้อยละ 6.5 ยังคงมีความขัดแย้งกันเหมือนเดิม ฯลฯ 4. ความเห็นต่อการชุมนุมคัดค้านการออก พ.ร.บ นิรโทษกรรมที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะสามารถยับยั้งการออกกฎหมายฉบับนี้ได้หรือไม่ - คิดว่าไม่ได้ ร้อยละ 46.8 - คิดว่าได้ ร้อยละ 11.6 - ไม่แน่ใจ ร้อยละ 41.6 5. กลิ่นอายของระดับความรุนแรงที่ประชาชนรู้สึกได้เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดที่จะนำการชุมนุมคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม - การชุมนุมรุนแรงถึงขั้นต้องใช้กำลังเพื่อสลายการชุมนุม ร้อยละ 15.0 - มีการปิดถนนและยกระดับการชุมนุม เคลื่อนขบวนไปที่ต่างๆ ร้อยละ 26.4 - มีปิดถนน มีคนมาร่วมชุมนุมเยอะ และยืดเยื้อกินเวลานาน ร้อยละ 24.4 - มีปิดถนน แต่คนมาร่วมชุมนุมน้อย และกินเวลาสั้น ร้อยละ 9.8 - ไม่แน่ใจ ร้อยละ 24.4 6. ความเห็นต่อระดับความขัดแย้งทางความคิดด้านการเมืองของคนในสังคมไทยปัจจุบัน - มากที่สุด ร้อยละ 21.8 - มาก ร้อยละ 50.4 - ปานกลาง ร้อยละ 24.9 - น้อย ร้อยละ 1.8 - น้อยที่สุด ร้อยละ 1.1
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีต่อการการออกกฎหมายนิรโทษกรรมผู้กระทำผิดทางการเมืองในช่วงวันที่19 กันยายน พ.ศ. 2549 ถึง วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 และการออกมาประกาศจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะเป็นผู้นำการชุมนุมคัดค้านการออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาของประเทศต่อไป
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) จากนั้นใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัว ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,195 คน เป็นชายร้อยละ 50.7 และหญิง ร้อยละ 49.3
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน โดยเป็นข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 21 — 23 ตุลาคม 2556
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 25 ตุลาคม 2556
ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ เพศ
ชาย 606 50.7 หญิง 589 49.3 รวม 1,195 100 อายุ 18 — 25 ปี 309 25.9 26 — 35 ปี 337 28.2 36 — 45 ปี 272 22.7 46 ปีขึ้นไป 277 23.2 รวม 1,195 100 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 650 54.4 ปริญญาตรี 486 40.7 สูงกว่าปริญญาตรี 59 4.9 รวม 1,195 100 อาชีพ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ 92 7.7 พนักงาน / ลูกจ้าง บริษัทเอกชน 357 29.9 ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว 354 29.6 เจ้าของกิจการ 55 4.6 รับจ้างทั่วไป 131 11 พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 56 4.7 นักศึกษา 127 10.6 อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ ว่างงาน เป็นต้น 23 1.9 รวม 1,195 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--