?รักในหลวง? เป็นความรู้สึกในใจที่คนไทยมีต่อพ่อหลวง พร้อมเสนอให้รัฐบาลน้อมนำหลักคิดของในหลวง ด้านความพอเพียง เสียสละเพื่อส่วนรวม ยุติความขัดแย้ง เป็นแนวทางบริหารประเทศ
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 5 ธันวาคม ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ(กรุงเทพโพลล์) ได้ทำการสำรวจความเห็นของพสกนิกรชาวไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวน 1,192 คน พบว่า
ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติปีนี้ คนไทยร้อยละ 65.8 ตั้งใจจะร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ตามสถานที่ ที่จัดกิจกรรมวันพ่อ รองลงมาร้อยละ 53.7 ตั้งใจจะชื่นชมพระบารมีผ่านทางทีวี และร้อยละ 52.9 ตั้งใจจะทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
เมื่อให้บอกถึงความรู้สึกที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พบว่า คนไทยร้อยละ 42.4 บอกว่า ?รักในหลวง? รองลงมาร้อยละ 29.4 บอกว่า ?อยากให้พระองค์ทรงพระเจริญ หายพระประชวรและให้อยู่คู่คนไทยไปนานๆ? และร้อยละ 9.2 บอกว่า ?เคารพและเทิดทูนในหลวง?
ทั้งนี้ประชาชน ร้อยละ 51.4 จะเป็นคนดี และทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อเป็นของขวัญถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รองลงมาร้อยละ 12.6 จะทำบุญตักบาตร นั่งสมาธิ บริจาคโลหิต บริจาคสิ่งของ ถวายเป็นพระราชกุศล และร้อยละ 9.8 จะรักและสามัคคีกัน ทำให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญและสบายพระราชหฤทัย
สำหรับพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่คนไทยจะน้อมนำมาใช้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตมากที่สุดคือ การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและพอเพียง (ร้อยละ 42.3) รองลงมาคือ การมีความกตัญญู (ร้อยละ 14.3) และการประหยัดอดออม (ร้อยละ 13.3)
สุดท้ายหลักการ / แนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่คนไทยอยากให้รัฐบาลน้อมนำมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินมากที่สุด คือ ยึดหลักความพอเพียง (ร้อยละ 22.3) รองลงมาคือ เสียสละเพื่อส่วนรวม เห็นประโยชน์ของประชาชนมาก่อน (ร้อยละ 22.2) และ รัก สามัคคี ยุติความขัดแย้ง (ร้อยละ 21.1)
ดังรายละเอียดในตารางต่อไปนี้
- ร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพรตามสถานที่ ที่จัดกิจกรรมวันพ่อ ร้อยละ 65.8 - จะชื่นชมพระบารมีผ่านทางทีวี ร้อยละ 53.7 - จะทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล ร้อยละ 52.9 - ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ร้อยละ 33.9 - ไปเข้าเฝ้ารับเสด็จ ร้อยละ 5.4 - อื่นๆ อาทิ บริจาคสิ่งของ เลี้ยงอาหารเด็ก คนชรา ฯลฯ ร้อยละ 4.5 2. ความรู้สึกที่มีต่อพ่อหลวงของชาวไทย มากที่สุด 5 อันดับแรก คือ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง) - รักในหลวง ร้อยละ 42.4 - อยากให้พระองค์ทรงพระเจริญ หายประชวรและให้อยู่คู่คนไทยไปนานๆ ร้อยละ 29.4 - เคารพและเทิดทูนในหลวง ร้อยละ 9.2 - ภูมิใจที่มีในหลวงเป็นพ่อของแผ่นดิน และภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทย ร้อยละ 8.2
- ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงเสียสละ ทรงงานหนัก เพื่อคนไทยมาตลอด ร้อยละ 7.4
- จะเป็นคนดี และ ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม ร้อยละ 51.4 - จะทำบุญตักบาตร นั่งสมาธิ บริจาคโลหิต บริจาคสิ่งของ ถวายเป็นพระราชกุศล ร้อยละ 12.6 - จะรักและสามัคคีกัน ทำให้พระองค์ทรงเกษมสำราญและสบายพระราชหฤทัย ร้อยละ 9.8 - จุดเทียนชัยถวายพระพร วางพานพุ่มดอกไม้ พวงมาลัย ร้อยละ 7.3 - ขอให้พระวรกายสมบูรณ์แข็งแรง ร้อยละ 7.0 4. พระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯที่คนไทยจะน้อมนำมาใช้เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตมากที่สุด 5 อันดับแรก - การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและพอเพียง ร้อยละ 42.3 - การมีความกตัญญู ร้อยละ 14.3 - การประหยัดอดออม ร้อยละ 13.3 - การเสียสละเพื่อส่วนรวม ร้อยละ 13.1 - การมีความเพียรพยายาม ร้อยละ 5.8 5. หลักการ / แนวคิดของในหลวงที่อยากให้รัฐบาลน้อมนำมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง) - ยึดหลักความพอเพียง ร้อยละ 22.3 - เสียสละเพื่อส่วนรวม เห็นประโยชน์ของประชาชนมาก่อน ร้อยละ 22.2 - รักและสามัคคี ยุติความขัดแย้ง ร้อยละ 21.1 - มีความซื่อสัตย์ ไม่โกง ไม่คอร์รัปชั่น ร้อยละ 16.9 - รู้จักการให้อภัย ร้อยละ 6.0
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เกี่ยวกับความรู้สึกของคนไทย ที่มีต่อพ่อหลวง สิ่งที่ตั้งใจจะทำในวันที่ 5 ธันวาคม รวมถึงของขวัญที่อยากทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และพระราชจริยวัตรที่คนไทยจะนำมาเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต ตลอดจนแนวคิดที่อยากให้รัฐบาลนำไปใช้บริหารประเทศ ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ด้วยวิธีสุ่มประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์อย่างเป็นระบบ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,192 คน เป็นเพศชายร้อยละ 50.5 และเพศหญิงร้อยละ 49.5
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) ในส่วนของ และคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุคำตอบเองโดยอิสระ (Open Ended) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 29 พฤศจิกายน ? 1 ธันวาคม 2556 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 4 ธันวาคม 2556
ข้อมูลประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ เพศ
ชาย 602 50.5 หญิง 590 49.5 รวม 1,192 100 อายุ 18 - 25 ปี 303 25.4 26 - 35 ปี 304 25.5 36 - 45 ปี 290 24.3 46 ปีขึ้นไป 295 24.8 รวม 1,192 100 การศึกษาปัจจุบัน ต่ำกว่าปริญญาตรี 668 56.1 ปริญญาตรี 433 36.3 สูงกว่าปริญญาตรี 91 7.6 รวม 1,192 100 อาชีพ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ 121 10.2 พนักงาน / ลูกจ้าง บริษัทเอกชน 324 27.2 ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว 280 23.5 เจ้าของกิจการ 52 4.4 รับจ้างทั่วไป 201 16.9 พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 69 5.8 นักศึกษา 123 10.3 อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ ว่างงาน เป็นต้น 22 1.7 รวม 1,192 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--