ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “การเลือกตั้งท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,018 คนพบว่า ประชาชนร้อยละ 49.3 ยังไม่เห็นการหาเสียงของผู้สมัคร เห็นเพียงป้ายหาเสียง และร้อยละ 16.1 ยังไม่เห็นการหาเสียงในรูปแบบใดๆ เลย ขณะที่ร้อยละ 29.7 เห็นการหาเสียงของผู้สมัครแต่ไม่คึกคัก และมีเพียงร้อยละ 4.9 เท่านั้นที่เห็นการหาเสียงของผู้สมัครและคึกคักมาก
เมื่อถามว่าสถานการณ์ความรุนแรงและขัดแย้งทางการเมือง มีผลต่อการไปเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ที่จะถึงนี้หรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.6 เห็นว่ามีผลต่อการไปเลือกตั้ง โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 34.3 บอกว่ามีผลทำให้ต้องรอดูสถานการณ์ความรุนแรงอีกทีก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไปเลือกตั้งหรือไม่ และร้อยละ 18.3 ทำให้ไม่อยากไปเลือกตั้ง ขณะที่ร้อยละ 47.4 เห็นว่าไม่มีผลต่อการไปเลือกตั้ง โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 23.4 ให้เหตุผลว่าต้องไปเลือกตั้งให้ได้อยู่แล้ว และอีกร้อยละ 24.0 ให้เหตุผลว่าไปเลือกเพราะเป็นหน้าที่ แต่เมื่อถามต่อว่า “หากในวันที่ 2 ก.พ. ที่จะถึงนี้ยังคงมีการเลือกตั้ง ท่านตั้งใจจะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่” ร้อยละ 79.6 ตั้งใจจะออกไปใช้สิทธิ์ ขณะที่ร้อยละ 9.9 ตั้งใจจะไม่ออกไปใช้สิทธิ์ และร้อยละ 10.5 ยังไม่แน่ใจ
ส่วนความเห็นต่อการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. ที่จะถึงนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 51.5 เห็นว่าควรมีการเดินหน้าเลือกตั้งตามเดิม ขณะที่ร้อยละ 28.1 เห็นว่าควรปฏิรูปก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง และร้อยละ 20.4 เห็นว่าควรเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน
สุดท้ายเมื่อถามว่า “จากข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ท่านเห็นด้วยหรือไม่หากกองทัพตัดสินใจทำรัฐประหาร เพื่อยุติความขัดแย้งที่เป็นอยู่” ร้อยละ 56.0 ไม่เห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 21.6 เห็นด้วย และร้อยละ 22.4 ไม่แน่ใจ
รายละเอียดดังต่อไปนี้
เห็นการหาเสียงของผู้สมัครและคึกคักมาก ร้อยละ 4.9 เห็นการหาเสียงของผู้สมัครแต่ไม่คึกคัก ร้อยละ 29.7 ยังไม่เห็นการหาเสียงของผู้สมัคร เห็นเพียงป้ายหาเสียง ร้อยละ 49.3 ยังไม่เห็นการหาเสียงในรูปแบบใดๆ เลย ร้อยละ 16.1 2. สถานการณ์ความรุนแรงและขัดแย้งทางการเมือง มีผลต่อการไปเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.ที่จะถึงนี้หรือไม่ มีผลต่อการไปเลือกตั้ง ร้อยละ 52.6 โดย ทำให้ต้องรอดูสถานการณ์ความรุนแรงอีกที ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไปเลือกตั้งหรือไม่ ร้อยละ 34.3 ทำให้ไม่อยากไปเลือกตั้ง ร้อยละ 18.3 ไม่มีผลต่อการไปเลือกตั้ง ร้อยละ 47.4 โดย ให้เหตุผลว่าต้องไปเลือกตั้งให้ได้อยู่แล้ว ร้อยละ 23.4 ให้เหตุผลว่าไปเลือกเพราะเป็นหน้าที่ ร้อยละ 24.0 3. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “หากในวันที่ 2 ก.พ. ที่จะถึงนี้ยังคงมีการเลือกตั้ง ท่านตั้งใจจะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่” จะออกไปใช้สิทธิ์ ร้อยละ 79.6 จะไม่ออกไปใช้สิทธิ์ ร้อยละ 9.9 ยังไม่แน่ใจ ร้อยละ 10.5 4. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “ท่านคิดว่าวันที่ 2 ก.พ. ที่จะถึงนี้ควรมีการเลือกตั้งหรือไม่” ควรมีการเลือกตั้ง ร้อยละ 51.5 ควรปฏิรูปก่อนแล้วค่อยเลือกตั้ง ร้อยละ 28.1 ควรเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน ร้อยละ 20.4 5. ความเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า “จากข่าวสถานการณ์ความขัดแย้งรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ท่านเห็นด้วยหรือไม่หากกองทัพตัดสินใจทำรัฐประหาร เพื่อยุติความขัดแย้งที่เป็นอยู่” เห็นด้วย ร้อยละ 21.6 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 56.0 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 22.4
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสะท้อนความเห็นของประชาชนต่อการไปเลือกตั้งท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple random sampling) และใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,018 คน เป็นเพศชายร้อยละ 52.0 และเพศหญิงร้อยละ 48.0
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ด้วยแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 21 - 23 มกราคม 2557 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 24 มกราคม 2557
ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ เพศ
ชาย 529 52 หญิง 489 48 รวม 1,018 100 อายุ 18 – 25 ปี 77 7.6 26 – 35 ปี 201 19.7 36 – 45 ปี 298 29.3 46 ปีขึ้นไป 442 43.4 รวม 1,018 100 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 670 65.8 ปริญญาตรี 275 27 สูงกว่าปริญญาตรี 73 7.2 รวม 1,018 100 อาชีพ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ 106 10.4 พนักงาน / ลูกจ้าง บริษัทเอกชน 250 24.6 ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว 209 20.5 เจ้าของกิจการ 43 4.2 รับจ้างทั่วไป 127 12.5 พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 128 12.6 นักศึกษา 25 2.5 อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ ว่างงาน เป็นต้น 130 12.7 รวม 1,018 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--