นักเศรษฐศาสตร์ชี้เศรษฐกิจไทยติดหล่ม แต่ยังเชื่อมั่นว่า 3-6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปัจจุบัน โดยปัจจัยขับเคลื่อนการฟื้นตัวที่สำคัญคือ การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ขณะที่ภาคส่งออกและภาคการบริโภคยังคงน่าเป็นห่วงที่สุด
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 28 แห่ง จำนวน 64 คน เรื่อง “ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3-6 เดือนข้างหน้า” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 9 – 21 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา พบว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 25.67 (เต็ม 100) เพิ่มขึ้นจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับ 23.13 แต่การที่ค่าดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ค่อนข้างมากสะท้อนให้เห็นถึงสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันที่ยังอ่อนแออยู่เป็นอย่างมากในทุกปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัจจัยด้านการส่งออกสินค้าและการลงทุนภาคเอกชนที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 12.70 และ 19.84 ตามลำดับ เช่นเดียวกับการบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ค่าดัชนีอยู่ในระดับต่ำที่ 23.81 และ 29.37 ตามลำดับ ขณะที่การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐซึ่งถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเดียวที่ทำงานได้ดีกว่าปัจจัยอื่น แต่ค่าดัชนีก็ยังคงอยู่ในระดับ 42.62 ซึ่งต่ำกว่า 50
ด้านความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยใน 3 เดือนข้างหน้า ค่าดัชนีอยู่ที่ 76.11 ลดลงจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมา (ค่าดัชนีเท่ากับ 80.75) แต่การที่ค่าดัชนียังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50 ค่อนข้างมาก สะท้อนให้เห็นว่านักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้าว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปัจจุบัน เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ค่าดัชนีอยู่ที่ 86.72 ลดลงจากการสำรวจครั้งที่ผ่านมา(ค่าดัชนีเท่ากับ 90.17) ) แต่การที่ค่าดัชนียังอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50 ค่อนข้างมาก ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าเศรษฐกิจในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปัจจุบัน
เมื่อพิจารณาปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้าพบว่าทุกปัจจัยมีการปรับตัวที่ดีขึ้นกว่าปัจจุบันโดยเฉพาะการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การลงทุนภาคเอกชน ส่วนการบริโภคภาคเอกชน และภาคการส่งออก จะขยายตัวค่อนข้างช้ากว่าภาคเศรษฐกิจอื่นๆ
ด้านความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ในประเด็นวัฏจักรเศรษฐกิจว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงใดของวัฏจักร พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 35.9 เห็นว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว (Recovery) รองลงมาร้อยละ 39.1 เห็นว่าอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และร้อยละ 14.1 เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงตกต่ำ (Trough) มีเพียงร้อยละ1.6 ที่เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงรุ่งเรือง (Peak) เมื่อแบ่งวัฏจักรออกเป็น 2 ฟาก คือ ฟากเศรษฐกิจขยายตัวจนถึงจุดสูงสุด(ร้อยละ 37.5) และ ฟากเศรษฐกิจถดถอยจนถึงจุดต่ำสุด(ร้อยละ 53.2) แล้วเปรียบเทียบกับการสำรวจครั้งก่อนหน้าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาจะพบว่า เศรษฐกิจปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะถดถอยและเคลื่อนเข้าสู่จุดต่ำสุดของวัฏจักรเศรษฐกิจซึ่งแตกต่างจากผลการประเมินครั้งก่อน ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังไม่ได้เข้าสู่ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว
(1) เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังอยู่ในสถานะที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก
(2) แนวโน้มเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า โดยปัจจัยขับเคลื่อนการฟื้นตัวที่สำคัญคือ การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และการลงทุนภาคเอกชน ส่วนการบริโภคภาคเอกชน และภาคการส่งออก จะขยายตัวค่อนข้างช้ากว่าภาคเศรษฐกิจอื่นๆ
(3) เศรษฐกิจไทยยังคงอยู่ในภาวะถดถอยและเคลื่อนเข้าสู่จุดต่ำสุดของวัฏจักรเศรษฐกิจ
หมายเหตุ: รายงานผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ฉบับนี้ เป็นการสำรวจความเห็นส่วนตัวของ นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งมิได้สื่อถึงแนวนโยบายขององค์กรที่นักเศรษฐศาสตร์สังกัดอยู่แต่อย่างใด
(โปรดพิจารณารายละเอียดของผลสำรวจดังต่อไปนี้)
ตารางที่ 1 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน
2555 2556 2557 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต.ค. ม.ค. เม.ย. ก.ค. ต.ค. ม.ค. เม.ย. ก.ค. ต.ค. 1) การบริโภคภาคเอกชน 59.23 68.97 68.1 21.31 17.8 11.02 6.72 24.26 23.81 2) การลงทุนภาคเอกชน 51.52 55.08 62.28 21.31 28.81 14.41 5.22 19.7 19.84 3) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 46.21 61.4 59.82 43.33 45.61 16.38 6.62 27.21 42.62 4) การส่งออกสินค้า 11.36 24.58 19.49 13.11 13.56 15.25 23.88 19.12 12.7 5) การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 57.58 73.73 73.73 72.95 79.17 32.2 21.32 25.37 29.37 ดัชนีรวม 45.18 56.75 56.68 34.4 36.99 17.85 12.75 23.13 25.67
หมายเหตุ: ค่าดัชนีจะมีค่าอยู่ระหว่าง 0-100 โดย
ค่าดัชนีเท่ากับ 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะปกติ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ เดิม/ไม่เปลี่ยนแปลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน)
ค่าดัชนีสูงกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะแข็งแกร่ง (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ ดีขึ้น (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน)
ค่าดัชนีต่ำกว่า 50 หมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่ในสถานะอ่อนแอ (สำหรับสถานะปัจจุบัน) หรือหมายถึง นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ แย่ลง (สำหรับการคาดการณ์ในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าเปรียบเทียบกับปัจจุบัน)
2555 2556 2557 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต.ค. ม.ค. เม.ย. ก.ค. ต.ค. ม.ค. เม.ย. ก.ค. ต.ค. 1) การบริโภคภาคเอกชน 50.78 61.61 50 30.83 45 35.96 42.31 79.85 70.63 2) การลงทุนภาคเอกชน 41.41 52.59 51.82 31.9 51.69 28.18 37.12 84.62 73.02 3) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 57.38 66.36 67.59 49.14 64.66 25 31.62 82.84 89.52 4) การส่งออกสินค้า 30.16 55.36 34.82 32.5 55.08 66.1 65.38 74.62 62.7 5) การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 56.15 63.79 50 63.11 79.17 42.98 60.29 81.82 84.68 ดัชนีรวม 47.18 59.94 50.85 41.5 59.12 39.65 47.35 80.75 76.11 ตารางที่ 3 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 6 เดือนข้างหน้า (เปรียบเทียบกับปัจจุบัน) 2555 2556 2557 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ต.ค. ม.ค. เม.ย. ก.ค. ต.ค. ม.ค. เม.ย. ก.ค. ต.ค. 1) การบริโภคภาคเอกชน 49.11 61.76 50 50 61.21 53.7 64.84 90.3 86.21 2) การลงทุนภาคเอกชน 48.15 56.73 62.04 45.54 70.18 50.93 53.97 92.31 87.29 3) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 60.83 70.41 81.13 60.71 79.09 40.74 48.48 93.75 95.16 4) การส่งออกสินค้า 37.5 64.15 47.92 47.27 67.8 77.68 76.15 83.59 76.79 5) การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 48.39 66.04 56.48 72.81 80.17 57.14 73.13 90.91 88.14 ดัชนีรวม 48.8 63.82 59.51 55.27 71.69 56.07 63.32 90.17 86.72 ตารางที่ 4 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจใน 3-6 เดือนข้างหน้า 3 เดือนข้างหน้า 6 เดือนข้างหน้า ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ จะดีขึ้น การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เมื่อเทียบกับปัจจุบัน การลงทุนภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน การบริโภคภาคเอกชน การบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้า การส่งออกสินค้า ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า จะทรงตัว -ไม่มี- -ไม่มี- เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ปัจจัยขับเคลื่อนที่เชื่อมั่นว่า จะแย่ลง -ไม่มี- -ไม่มี- เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ตารางที่ 5 วัฏจักรเศรษฐกิจ วัฏจักรเศรษฐกิจ ก.ค. 56 ต.ค. 56 ม.ค. 57 เม.ย. 57 ก.ค. 57 ต.ค. 57 เศรษฐกิจขยายตัว (Expansion / Recovery) 13.00% 18.00% 10.00% 1.40% 44.90% 35.90% เศรษฐกิจรุ่งเรือง (Peak) 8.00% 2.00% 2.00% 1.40% 1.40% 1.60% เศรษฐกิจถดถอย (Contraction / Recession) 63.00% 63.00% 67.00% 81.20% 33.30% 39.10% เศรษฐกิจตกต่ำ (Trough) 3.00% 5.00% 5.00% 7.20% 11.60% 14.10% ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ 13.00% 12.00% 16.00% 8.80% 8.80% 9.40%
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสะท้อนความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันและทิศทางในอนาคตอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้า รวมถึงวัฏจักรเศรษฐกิจ ให้กับประชาชน และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนรับทราบเพื่อนำไปใช้ประกอบการวางแผนนโยบายเศรษฐกิจและธุรกิจต่อไป
เป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่สำเร็จการศึกษาทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในสาขาเศรษฐศาสตร์ (กรณีสำเร็จการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เฉพาะปริญญาตรี หรือปริญญาโท หรือปริญญาเอก อย่างใดอย่างหนึ่ง จะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานด้านวิเคราะห์/วิจัย/หรืองานที่เกี่ยวข้องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์อย่างน้อย 5 ปีจนถึงปัจจุบัน) ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ จำนวน 28 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารธนชาต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส บริษัทหลักทรัพย์ภัทร บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย บริษัททิพยประกันชีวิต คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร สำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ สำนักวิชาการจัดการมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะเศรษฐศสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
การสำรวจนี้เป็นการวิจัยโดยการเลือกตัวอย่างประชากรโดยไม่อาศัยหลักความน่าจะเป็น (Non-probability sampling) แต่ละหน่วยตัวอย่างที่จะได้รับการเลือก จึงเป็นการเลือกตัวอย่างประชากรแบบเจาะจง (Purposive sampling) และดำเนินการรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามออนไลน์ไปยังนักเศรษฐศาสตร์ในหน่วยงานที่กำหนดภายในระยะเวลาที่กำหนด
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 9 – 21 ตุลาคม 2557 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 25 ตุลาคม 2557
ข้อมูลรายละเอียดของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ ประเภทของหน่วยงานที่กลุ่มตัวอย่างทำงานอยู่
หน่วยงานภาครัฐ 33 51.6 หน่วยงานภาคเอกชน 21 32.8 สถาบันการศึกษา 10 15.6 รวม 64 100 เพศ ชาย 41 64.1 หญิง 23 35.9 รวม 64 100 อายุ 26 ปี – 35 ปี 17 26.6 36 ปี – 45 ปี 27 42.2 46 ปีขึ้นไป 19 29.7 ไม่ระบุ 1 1.5 รวม 64 100 การศึกษา ปริญญาตรี 3 4.7 ปริญญาโท 44 68.8 ปริญญาเอก 16 25 ไม่ระบุ 1 1.5 รวม 64 100 ประสบการณ์ทำงานรวม 1-5 ปี 8 12.5 6-10 ปี 19 29.7 11-15 ปี 13 20.3 16-20 ปี 9 14.1 ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป 14 21.9 ไม่ระบุ 1 1.5 รวม 64 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--