ประชาชน เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแต่เสนอให้มีการแก้ไขในบางส่วน โดยเฉพาะประเด็นที่มาของ สว. 59.6 % ไม่มั่นใจว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะทำให้รัฐบาลชุดต่อไปปฏิรูปประเทศได้สำเร็จ 50.4% ระบุการปฏิรูปประเทศจะสำเร็จได้ขึ้นอยู่กับผู้นำประเทศเป็นสำคัญ 59.7 % หากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,102 คน เรื่อง “รัฐธรรมนูญ กับการปฏิรูปประเทศ ” พบว่า
ประชาชนร้อยละ 37.6 เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแต่อยากให้มีการแก้ไขในบางส่วน รองลงมาร้อยละ 23.7 ระบุว่าเห็นด้วยทั้งฉบับ มีเพียงร้อยละ 9.2 เท่านั้น ที่ระบุว่าไม่เห็นด้วย ที่เหลือร้อยละ 29.5 ไม่แน่ใจ
สำหรับประเด็นที่ประชาชนอยากให้มีการแก้ไขมากที่สุดในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ คือ ประเด็นที่มาของ สว. ที่อยากให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด (ร้อยละ 25.0) รองลงมาคือ ประเด็นที่มาของนายกฯ ว่าควรมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น (ร้อยละ 17.1) และการกำหนดบทลงโทษนักการเมืองที่คอร์รัปชั่นให้หนัก (ร้อยละ 11.6)
เมื่อถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการมีนายกฯ คนนอกได้ แต่ต้องได้รับเสียงโหวตจากในสภา 2 ใน 3 พบว่า ประชาชนร้อยละ 48.0 ระบุว่าเห็นด้วย ขณะที่ร้อยละ 44.5 ระบุว่าไม่เห็นด้วย ที่เหลือร้อยละ 7.5 ไม่แน่ใจ
ส่วนความมั่นใจที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าจะช่วยให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถปฏิรูปประเทศได้สำเร็จหรือไม่ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 59.6 ระบุว่าไม่มั่นใจ ขณะที่ร้อยละ 40.4 ระบุว่ามั่นใจ
เมื่อถามว่า “ความสำเร็จของการปฏิรูปประเทศขึ้นอยู่กับปัจจัยใดมากกว่ากันระหว่างผู้นำประเทศกับความสมบูรณ์แบบของรัฐธรรมนูญ” ประชาชนร้อยละ 50.4 ระบุว่าผู้นำประเทศสำคัญกว่า ขณะที่ร้อยละ 40.8 ระบุว่าความสมบูรณ์แบบของรัฐธรรมนูญสำคัญกว่า และร้อยละ 8.8 ไม่แน่ใจ
นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 72.8 เห็นว่ารัฐธรรมนูญจำเป็นต้องบัญญัติให้มี คณะ กรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปฯ เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ในการปฏิรูปประเทศ ขณะที่ร้อยละ 17.8 เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีคณะกรรมการดังกล่าว ที่เหลือร้อยละ 9.4 ไม่แน่ใจ
สำหรับประเด็นการเลื่อนเลือกตั้งออกไปจากโรดแมปเดิม ประชาชนร้อยละ 59.7 คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ขณะที่ร้อยละ 33.9 คิดว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ที่เหลือร้อยละ 6.4 ไม่แน่ใจ
ดังรายละเอียดในตารางต่อไปนี้
เห็นด้วยทั้งฉบับ ร้อยละ 23.7 เห็นด้วยแต่อยากให้มีการแก้ไขบางส่วน ร้อยละ 37.6 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 9.2 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 29.5 2. ประเด็นที่อยากให้มีการแก้ไขมากที่สุดในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ 5 อันดับแรก คือ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง) อันดับ 1 ที่มาของ สว. ที่อยากให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ร้อยละ 25.0 อันดับ 2 ที่มาของนายกฯ ควรมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น นายกฯ คนนอกควรเป็นเฉพาะกรณีฉุกเฉิน ร้อยละ 17.1 อันดับ 3 การกำหนดบทลงโทษนักการเมืองที่คอร์รัปชั่นให้หนัก และมีข้อบังคับนักการเมืองเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น ร้อยละ 11.6 อันดับ 4 ด้านสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของประชาชน ตลอดจนการแสดงความคิดเห็น โดยให้ประชาชนรู้สึกว่ามีสิทธิในประชาธิปไตยมากกว่านี้ ร้อยละ 9.2 อันดับ 5 ด้านการปฏิรูปการศึกษา ระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก ร้อยละ 5.5 3. ความเห็นที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญในประเด็นที่สามารถมีนายกฯ คนนอกได้โดยต้องได้รับเสียงโหวตจากในสภา 2 ใน 3 เห็นด้วย ร้อยละ 48.0 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 44.5 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 7.5 4. ความมั่นใจที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าจะช่วยให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถปฏิรูปประเทศได้สำเร็จ มั่นใจ ร้อยละ 40.4 ไม่มั่นใจ ร้อยละ 59.6 5. ความสำเร็จของการปฏิรูปประเทศขึ้นอยู่กับปัจจัยใดมากกว่ากันระหว่างผู้นำประเทศกับความสมบูรณ์แบบของรัฐธรรมนูญ ผู้นำประเทศสำคัญกว่า ร้อยละ 50.4 ความสมบูรณ์แบบของรัฐธรรมนูญสำคัญกว่า ร้อยละ 40.8 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 8.8 6. การสืบทอดเจตนารมณ์ในการปฏิรูปประเทศ จำเป็นหรือไม่ที่รัฐธรรมนูญจะต้องบัญญัติให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปฯ เพื่อเสนอแนะนโยบายต่อรัฐสภา นายกฯและคณะรัฐมนตรี จำเป็น ร้อยละ 72.8 ไม่จำเป็น ร้อยละ 17.8 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 9.4 7. เมื่อถามว่า หากมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากโรดแมปเดิม จะส่งผลกระทบต่อความ น่าเชื่อถือจากต่างประเทศหรือไม่ ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ร้อยละ 59.7 ไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศ ร้อยละ 33.9 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 6.4
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศในประเด็นต่างๆ ตลอดจนความเห็นในกรณีที่มีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากที่โรดแมป ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
สำรวจจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Simple Random Sampling แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุคำตอบเองโดยอิสระ (Open Ended) จากนั้นจึงได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 28 -30 เมษายน 2558 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 3 พฤษภาคม 2558
ข้อมูลประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ เพศ
ชาย 592 53.7 หญิง 510 46.3 รวม 1,102 100 อายุ 18 ปี - 30 ปี 150 13.6 31 ปี – 40 ปี 252 22.9 41 ปี – 50 ปี 330 29.9 51 ปี - 60 ปี 231 21 61 ปี ขึ้นไป 139 12.6 รวม 1,102 100 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 670 60.8 ปริญญาตรี 337 30.6 สูงกว่าปริญญาตรี 95 8.6 รวม 1,102 100 อาชีพ ลูกจ้างรัฐบาล 168 15.2 ลูกจ้างเอกชน 284 25.8 ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร 375 34 เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง 73 6.6 ทำงานให้ครอบครัว 4 0.4 พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/ เกษียณอายุ 153 13.9 นักเรียน/ นักศึกษา 30 2.7 ว่างงาน/ รอฤดูกาล/ รวมกลุ่ม 15 1.4 รวม 1,102 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--