คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าประชาธิปัตย์ หลังโหวตคว่ำ รธน. 58.2% ชี้ควรมีนักการเมืองจากพรรคใหญ่เข้าร่วม สปท.
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “คะแนนนิยมพรรคการเมืองไทยหลังการโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,062 คน พบว่า
คะแนนนิยมพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ที่ร้อยละ 29.5 เพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ร้อยละ 0.3 (จากเดิมร้อยละ 29.2) ขณะที่พรรคเพื่อไทยคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 26.7 เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อนร้อยละ 0.9 (จากเดิมร้อยละ 25.8) ส่วนพรรคชาติไทยพัฒนามีคะแนนนิยมอยู่ที่ร้อยละ 0.8 พรรคภูมิใจไทยอยู่ที่ร้อยละ 0.7 และพรรครักประเทศไทยอยู่ที่ร้อยละ 0.6
เมื่อถามว่า “สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่จะตั้งขึ้นใหม่ควรจะมีนักการเมืองจากพรรคใหญ่เข้าร่วมหรือไม่” ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.2 เห็นว่าควรมี เพราะมีประสบการณ์ทางการเมือง และช่วยทำให้ประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง ขณะที่ร้อยละ 31.5 เห็นว่าไม่ควรมี เพราะอยากให้ใช้นักวิชาการหรือนักปฏิบัติเฉพาะด้านเข้ามาลงมือทำมากกว่า ที่เหลือร้อยละ 10.3 ไม่แน่ใจ
โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
จะเลือกพรรค... สำรวจเมื่อ พ.ค. 58 สำรวจเมื่อ ก.ย. 58 เพิ่มขึ้น / ลดลง (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) พรรคประชาธิปัตย์ 29.2 29.5 0.3 พรรคเพื่อไทย 25.8 26.7 0.9 พรรคชาติไทยพัฒนา 0.8 0.8 0 พรรครักประเทศไทย 0.5 0.6 0.1 พรรคภูมิใจไทย 0.4 0.7 0.3 พรรคพลังชล 0.2 0.3 0.1 พรรคอื่นๆ 1.1 2.5 1.4 ไม่แน่ใจ/ยังไม่ตัดสินใจ 42 38.9 -3.1 2. ข้อคำถาม “สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่จะตั้งขึ้นใหม่ควรจะมีนักการเมืองจากพรรคใหญ่เข้าร่วมหรือไม่” ควรมี เพราะมีประสบการณ์ทางการเมือง และช่วยทำให้ประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง ร้อยละ 58.2 ไม่ควรมี เพราะอยากให้ใช้นักวิชาการหรือนักปฏิบัติเฉพาะด้านเข้ามาลงมือทำมากกว่า ร้อยละ 31.5 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 10.3 รายละเอียดการสำรวจ วัตถุประสงค์การสำรวจ
1. เพื่อสะท้อนความนิยมของประชาชนในพรรคการเมืองต่างๆ
2. เพื่อสะท้อนความเห็นเกี่ยวกับการเข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปประเทศของนักการเมืองจากพรรคใหญ่
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Simple Random Sampling แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 15 – 17 กันยายน 2558
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 19 กันยายน 2558
จำนวน ร้อยละ เพศ
ชาย 601 56.6 หญิง 461 43.4 รวม 1,062 100 อายุ 18 ปี - 30 ปี 165 15.5 31 ปี – 40 ปี 242 22.8 41 ปี – 50 ปี 274 25.8 51 ปี - 60 ปี 257 24.2 61 ปี ขึ้นไป 124 11.7 รวม 1,062 100 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 688 64.8 ปริญญาตรี 294 27.7 สูงกว่าปริญญาตรี 80 7.5 รวม 1,062 100 อาชีพ ลูกจ้างรัฐบาล 148 13.9 ลูกจ้างเอกชน 247 23.3 ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร 419 39.4 เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง 57 5.4 ทำงานให้ครอบครัว 4 0.4 พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/ เกษียณอายุ 136 12.8 นักเรียน/ นักศึกษา 34 3.2 ว่างงาน/ รอฤดูกาล/ รวมกลุ่ม 17 1.6 รวม 1,062 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--