ประชาชน 73.4% ต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีเองโดยตรงมากกว่าเลือกผ่าน ส.ส. 61.9% ชอบแนวคิดการเลือกตั้ง “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” 86.9% เห็นด้วยกับการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวทำให้เข้าใจง่ายในการลงคะแนน และ 81.0% เห็นด้วยหากใครที่ทุจริตการเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไรกับแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม”” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,229 คน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ พบว่า
ข้อดีของแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ในประเด็น “การใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวทำให้เข้าใจง่ายในการลงคะแนน”ประชาชนร้อยละ 86.9 เห็นด้วยมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 81.0 เห็นด้วยกับประเด็น “คุณสมบัติของผู้ที่ลงสมัครเลือกตั้งที่กำหนดให้ใครที่ทุจริตการเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต” ร้อยละ 69.8 เห็นด้วยกับประเด็น “การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นการคำนึงถึงคะแนนของประชาชนทุกเสียงที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยคะแนนเสียงที่ไม่ได้รับเลือกจะไม่ถูกตัดทิ้งไป” ร้อยละ 69.6 เห็นด้วยกับประเด็น “การเลือกตั้งระบบใหม่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพราะถึงแม้ว่า ส.ส.ที่ตนเลือกไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ยังสามารถเอาไปนับรวมในระบบบัญชีรายชื่อได้” และร้อยละ 64.5 เห็นด้วยกับประเด็น “การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นวิธีการปรองดอง คือให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคการเมืองตามสมควร”
เมื่อถามประชาชนว่าชอบแนวคิดการเลือกตั้งรูปแบบใดมากกว่ากันระหว่างการเลือกตั้งแบบเก่าที่ทำให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็งแต่ไม่ได้นำคะแนนเสียงทุกเสียงของประชาชนมาใช้ กับแนวคิดแบบใหม่ที่อาจทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรคแต่นำคะแนนเสียงทุกเสียงมาใช้ พบว่า ร้อยละ 61.9 ชอบแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่”ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” มากกว่า ขณะที่ร้อยละ 27.4 ชอบการเลือกตั้งระบบเดิมมากกว่า ที่เหลือร้อยละ 10.7 ไม่แน่ใจ
สุดท้ายเมื่อถามว่าต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยรูปแบบใด พบว่าร้อยละ 73.4 ต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีได้เองโดยตรง ขณะที่ร้อยละ 21.8 ต้องการเลือกโดยผ่าน ส.ส.ในสภาฯ และร้อยละ 4.8 ไม่แน่ใจ
โปรดพิจารณารายละเอียดดังต่อไปนี้
1. ความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม”ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ในประเด็นต่าง ดังนี้
ประเด็น เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่แน่ใจ (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) การใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวทำให้เข้าใจง่ายในการลงคะแนน 86.9 10.5 2.6 คุณสมบัติของผู้ที่ลงสมัครเลือกตั้ง โดยใครที่ทุจริตการเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต 81.0 17.2 1.8 เป็นการคำนึงถึงคะแนนของประชาชนทุกเสียงที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยคะแนนเสียง 69.8 20.9 9.3 ที่ไม่ได้รับเลือกจะไม่ถูกตัดทิ้งไป ระบบนี้ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพราะถึงแม้ว่า ส.ส.ที่ตนเลือกไม่ได้รับเลือกตั้ง 69.6 22.8 7.6 แต่ยังสามารถเอาไปนับรวมในระบบบัญชีรายชื่อได้ ระบบนี้เป็นวิธีการปรองดอง คือให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคการเมืองตามสมควร 64.5 23.2 12.3 2. ระหว่างการเลือกตั้งแบบเก่าที่ทำให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็งแต่ไม่ได้นำคะแนนเสียงทุกเสียงของประชาชนมาใช้ กับแนวคิดแบบใหม่ที่อาจทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรคแต่นำคะแนนเสียงทุกเสียงมาใช้ ชอบแนวคิดการเลือกตั้งรูปแบบใดมากกว่ากัน ชอบแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” มากกว่า ร้อยละ 61.9 ชอบการเลือกตั้งระบบเดิมมากกว่า ร้อยละ 27.4 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 10.7 3. ความเห็นต่อรูปแบบการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ เลือกนายกฯ ได้เองโดยตรง ร้อยละ 73.4 เลือกโดยผ่าน ส.ส. ในสภา ร้อยละ 21.8 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 4.8
รายละเอียดการสำรวจ
เพื่อสำรวจความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวความคิดการเลือกตั้งระบบใหม่ “ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” ในประเด็นต่างๆ รวมถึงวิธีการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้รับทราบ
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบ Simple Random Sampling แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) แล้วได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 3-5 พฤศจิกายน 2558
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 7 พฤศจิกายน 2558
ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ เพศ
ชาย 655 53.3 หญิง 574 46.7 รวม 1,229 100 อายุ 18 ปี - 30 ปี 198 16.1 31 ปี – 40 ปี 285 23.2 41 ปี – 50 ปี 360 29.3 51 ปี - 60 ปี 257 20.9 61 ปี ขึ้นไป 129 10.5 รวม 1,229 100 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 811 66 ปริญญาตรี 355 28.9 สูงกว่าปริญญาตรี 63 5.1 รวม 1,229 100 อาชีพ ลูกจ้างรัฐบาล 182 14.8 ลูกจ้างเอกชน 281 22.9 ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร 500 40.7 เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง 70 5.7 พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/ เกษียณอายุ 144 11.7 นักเรียน/ นักศึกษา 42 3.4 ว่างงาน/ รอฤดูกาล/ รวมกลุ่ม 10 0.8 รวม 1,229 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--