กรุงเทพโพลล์: “พฤติกรรมการสูบและเลือกซื้อบุหรี่หลังรัฐบาลขึ้นอัตราภาษี”

ข่าวผลสำรวจ Monday February 29, 2016 10:58 —กรุงเทพโพลล์

ผู้สูบบุหรี่ 69.6% ยังคงมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่เหมือนเดิมแม้ราคาบุหรี่จะเพิ่มขึ้น ผู้สูบ 75.5% ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นอัตราภาษีของรัฐบาล และ 59.3% มองรัฐบาลเพิ่มภาษีเพราะต้องการหาได้เพิ่มมากกว่าต้องการให้สูบบุหรี่น้อยลง

กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้สูบบุหรี่ เรื่อง “พฤติกรรมการสูบและเลือกซื้อบุหรี่หลังรัฐบาลขึ้นอัตราภาษี” โดยเก็บข้อมูลจากผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำทุกวันทั่วประเทศจำนวน 902 คน ผลสำรวจพบว่า

ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำส่วนใหญ่ร้อยละ 66.9 สูบบุหรี่ซองที่ผลิตในประเทศ รองลงมาร้อยละ 23.6 สูบบุหรี่ซองที่ผลิตจากต่างประเทศ และร้อยละ 9.5 สูบบุหรี่มวนเอง

ด้านความคิดเห็นต่อการปรับเพิ่มภาษีบุหรี่จากร้อยละ 87 เป็นร้อยละ 90 พบว่าผู้สูบบุหรี่ส่วนใหญ่คิดเป็น ร้อยละ 75.5 ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นอัตราภาษี โดยให้เหตุผลสำคัญว่า ทำให้ราคาบุหรี่สูงเกินไป(ร้อยละ 81.2) รองลงมาเห็นว่า เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ตรงจุด(ร้อยละ 9.8) และเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับผู้ที่สูบบุหรี่(ร้อยละ 9.0) ในขณะที่ร้อยละ 24.5 เห็นด้วยกับการปรับเพิ่มภาษีบุหรี่ โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า มาตรการนี้สามารถลดปริมาณการสูบบุหรี่ลงได้(ร้อยละ 48.4) รองลงมาช่วยทำให้เลิกสูบบุหรี่ได้(ร้อยละ20.8) และช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล(ร้อยละ 11.8)

ทั้งนี้ผู้สูบบุหรี่ร้อยละ 59.3 เห็นว่าวัตถุประสงค์หลักของรัฐบาลในการเพิ่มภาษีบุหรี่ คือ การหารายได้เข้ารัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 40.7 คิดว่ารัฐบาลต้องการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่

สำหรับพฤติกรรมของผู้สูบบุหรี่หลังการปรับเพิ่มภาษี พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 69.6 ยังคงสูบเหมือนเดิมในปริมาณเท่าเดิม ส่วนร้อยละ 30.4 มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ลดลงจากเดิมที่สูบ เฉลี่ย 13 มวนต่อวันลดลงเหลือ 7 มวนต่อวัน หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 46.2 ด้านค่าใช้จ่ายของผู้สูบก่อนรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 253 บาทต่อสัปดาห์ และหลังจากเพิ่มภาษีบุหรี่ ผู้สูบมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 274 บาทต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นร้อยละ 8.3

ในส่วนของการปรับเปลี่ยนยี่ห้อบุหรี่ภายหลังการปรับเพิ่มภาษีบุหรี่พบว่า ผู้สูบส่วนใหญ่ร้อยละ 66.7 ไม่มีการปรับเปลี่ยนยี่ห้อ/ยังคงสูบยี่ห้อเดิม ขณะที่ร้อยละ 33.3 เปลี่ยนเป็นซื้อยี่ห้อที่มีราคาต่ำกว่า

เมื่อถามว่า “คิดจะเลิกสูบบุหรี่หรือไม่ หลังจากมีการปรับเพิ่มภาษีบุหรี่’’ ร้อยละ 51.7 ระบุว่า “ไม่คิดจะเลิกสูบบุหรี่” ขณะที่ ร้อยละ 48.3 ระบุว่า “คิดจะเลิกสูบบุหรี่” สุดท้ายเมื่อถามถึงผลกระทบของการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ที่มีต่อการใช้ชีวิตของผู้สูบ ร้อยละ 37.2 ระบุว่ากระทบในระดับปานกลาง รองลงมาร้อยละ 22.2 กระทบในระดับน้อย และร้อยละ 17.0 กระทบในระดับมาก

มีรายละเอียดดังนี้

1. ประเภทของบุหรี่ที่ผู้สูบบุหรี่สูบเป็นประจำ
- ร้อยละ 66.9                    บุหรี่ซองที่ผลิตในประเทศ
- ร้อยละ 23.6                    บุหรี่ซองที่ผลิตจากต่างประเทศ
- ร้อยละ  9.5                    บุหรี่มวนเอง

2. ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีบุหรี่จาก 87% เป็น 90% ของรัฐบาล
- ร้อยละ 75.5 ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า...
          ทำให้บุหรี่มีราคาแพงเกินไป                             ร้อยละ 81.2
          รัฐบาลแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด                             ร้อยละ  9.8
          ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้น                                  ร้อยละ  9.0

- ร้อยละ 24.5 เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่า...
          จะทำให้สูบบุหรี่ลดลง                                  ร้อยละ 48.4
          ช่วยทำให้เลิกสูบบุหรี่ได้                                ร้อยละ 20.8
          ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล                             ร้อยละ 11.8
          อื่นๆ เช่น เป็นการทำลายสุขภาพ เป็นสิ่งฟุ่มเฟือย             ร้อยละ 19.0

3. ความคิดเห็นต่อวัตถุประสงค์หลักของรัฐบาลในการเพิ่มภาษีบุหรี่
- ร้อยละ 59.3                    เพื่อหารายได้เข้ารัฐบาล
- ร้อยละ 40.7                    เพื่อต้องการให้คนสูบบุหรี่ลดลง

4. พฤติกรรมการสูบบุหรี่ภายหลังการปรับเพิ่มภาษีและทำให้ราคาบุหรี่สูงขึ้น
- ร้อยละ 69.6                    ไม่เปลี่ยนแปลง/สูบเหมือนเดิม
- ร้อยละ 30.4                    สูบน้อยลง (โดยก่อนปรับเพิ่มภาษีบุหรี่สูบเฉลี่ย 13 มวนต่อวัน ลดลงเหลือ 7 มวนต่อวัน หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 46.2)

5. พฤติกรรมการเลือกซื้อบุหรี่ภายหลังการปรับเพิ่มภาษีและทำให้ราคาบุหรี่สูงขึ้น
- ร้อยละ 66.7                    ซื้อเหมือนเดิม/ไม่เปลี่ยนยี่ห้อ
- ร้อยละ 33.3                    เปลี่ยนไปซื้อยี่ห้อที่มีราคาต่ำกว่า

6. ค่าใช้จ่ายในการซื้อบุหรี่ต่อสัปดาห์
-  ค่าใช้จ่ายก่อนปรับเพิ่มภาษีบุหรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 253 บาทต่อสัปดาห์
-  ค่าใช้จ่ายหลังปรับเพิ่มภาษีบุหรี่เฉลี่ยอยู่ที่ 274 บาทต่อสัปดาห์
โดยผู้สูบบุหรี่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 21 บาทต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นร้อยละ 8.3

7. ความคิดเห็นต่อคำถาม “คิดจะเลิกสูบบุหรี่หรือไม่ หลังจากมีการปรับเพิ่มภาษีบุหรี่’’
- ร้อยละ 51.7                    คิดว่าจะไม่เลิกสูบบุหรี่
- ร้อยละ 48.3                    คิดจะเลิกสูบบุหรี่

8. ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตหลังจากมีการปรับขึ้นภาษีบุหรี่
- ร้อยละ 9.4                     มากที่สุด
- ร้อยละ 17.0                    มาก
- ร้อยละ 37.2                    ปานกลาง
- ร้อยละ 22.2                    น้อย
- ร้อยละ 14.2                    น้อยที่สุด

รายละเอียดในการสำรวจ

วัตถุประสงค์ในการสำรวจ

1. เพื่อทราบความคิดเห็นของกลุ่มผู้สูบบุหรี่ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายปรับเพิ่มอัตราภาษีบุหรี่

2. เพื่อศึกษาพฤติกรรมการสูบบุหรี่หลังจากปรับขึ้นอัตราภาษีบุหรี่

ระเบียบวิธีการสำรวจ

การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากผู้สูบบุหรี่เป็นประจำทั่วประเทศและครอบคลุมพื้นที่ทั้งในเขตและนอกเขตเทศบาล และมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบไม่อาศัยความน่าจะเป็น ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 902 คน เป็นเพศชายร้อยละ 92.7 และเพศหญิงร้อยละ 7.3

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)

ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ?4 % ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล

ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุคำตอบเองโดยอิสระ (Open Ended) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

          ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล           :  20 – 23 กุมภาพันธ์ 2559
          วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ               :  27 กุมภาพันธ์ 2559

ข้อมูลประชากรศาสตร์ของกลุ่มตัวอย่าง

จำนวน ร้อยละ เพศ

          ชาย                                   836      92.7
          หญิง                                    66       7.3
          รวม                                   902       100
อายุ
          15 - 24 ปี                             244        27
          25 - 40 ปี                             254      28.2
          41 - 60 ปี                             255      28.3
          60 ปีขึ้นไป                              149      16.5
          รวม                                   902       100
อาชีพ
          พนักงานรัฐบาล                            67       7.4
          พนักงานเอกชน                           197      21.8
          ค้าขาย/รับจ้างทั่วไป/เกษตรกร               430      47.7
          เจ้าของกิจการ/นายจ้าง                     32       3.6
          นักเรียน/นักศึกษา                          97      10.7
          อื่นๆ เช่น ว่างงาน                         79       8.8
          รวม                                   902       100

--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ