คนไทยอยากให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหาการติดสินบน ให้เงินใต้โต๊ะ แก่เจ้าหน้าที่รัฐเร่งด่วนที่สุด 61.3% เห็นด้วยกับการใช้ ม.44 แก้ปัญหาการซื้อขายเก้าอี้ผู้ดำรงตำแหน่งทาง ราชการ 67.4% เห็นว่า 2 ปี 6 เดือน รัฐบาลมีมาตรการจริงจังในการปราบปรามคอร์รัปชั่น
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ฝ่าวิกฤตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์” โดยเก็บข้อมูลกับ ประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,133 คน พบว่า
เมื่อถามความคิดเห็นที่มีต่อข่าวการเปิดโปงคดีคอร์รัปชั่น เช่น กรณีบริษัทโรลส์รอยซ์ติดสินบนซื้อเครื่องยนต์แก่เจ้าหน้าที่การบินไทย และ ปตท. และกรณีการติดสินบนกล้องซีซีทีวีในรัฐสภา
ปี 2549 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 58.1 คิดว่าการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ยังมีช่องโหว่ ไม่รุนแรงพอให้กลัวต่อการกระทำผิด รองลงมาร้อยละ 46.0 กลัวว่า
จะไม่สามารถเอาผิดกับคนร้ายได้ จับได้แต่ข้าราชการชั้นผู้น้อย มีมวยล้ม และร้อยละ 43.8 กังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติ และภาษีของประชาชนที่ต้องเสียไป
ทั้งนี้เมื่อถามต่อว่าจากผลการเปิดโปงการคอร์รัปชั่นของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจในอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันรัฐบาลควรมีมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาในเรื่องใด มากที่สุด เพื่อป้องกันการคอร์รัปชั่นที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ส่วนใหญ่ร้อยละ 49.8 อยากให้แก้ปัญหาการติดสินบน การให้เงินใต้โต๊ะ แก่เจ้าหน้าที่รัฐ รองลงมาร้อยละ 47.7 อยากให้แก้ ปัญหาทุจริตการแต่งตั้ง การสอบคัดเลือก การรับเด็กเส้น เข้ามารับราชการในหน่วยงานภาครัฐ และร้อยละ 47.5 อยากให้แก้ปัญหาการใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์
ส่วนเมื่อถามว่าเชื่อมั่นหรือไม่ว่าการรื้อระบบการจัดซื้อจัดจ้างจะแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจได้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.8 ระบุว่า“ไม่เชื่อมั่น” ขณะที่ร้อยละ 30.5 ระบุว่า“เชื่อมั่น” ส่วนที่เหลือร้อยละ 7.7 ไม่แน่ใจ
นอกจากนี้เมื่อถามว่าเชื่อมั่นเพียงใดต่อการออกกฎหมายป้องกันการคอร์รัปชั่น เช่น พ.ร.บ. 3 ชั่วโคตร จะช่วยป้องกันการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจได้ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 59.0 เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ขณะที่ร้อยละ 33.8 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด มีเพียงร้อยละ 7.2 ไม่แน่ใจ
สำหรับความเห็นต่อการใช้ ม.44 ในการแก้ปัญหาการซื้อขายเก้าอี้ผู้ดำรงตำแหน่งทางราชการและรัฐวิสาหกิจ ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.3 เห็นด้วยกับการใช้ ม.44 ขณะที่ร้อยละ 31.3 ไม่เห็นด้วย ส่วนร้อยละ 7.4 ไม่แน่ใจ
สุดท้ายเมื่อถามว่ารัฐบาลมีมาตรการจริงจังเพียงใด ในการปราบปรามการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ตลอดระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.4 เห็นว่ามีมาตรการจริงจังค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 29.4 เห็นว่ามีมาตรการจริงจังค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด มีเพียงร้อยละ 3.2 ไม่แน่ใจ
โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
คิดว่าการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น ยังมีช่องโหว่ ไม่รุนแรงพอให้กลัวต่อการกระทำผิด ร้อยละ 58.1 กลัวว่าจะไม่สามารถเอาผิดกับคนร้ายได้ จับได้แต่ข้าราชการชั้นผู้น้อย มีมวยล้ม ร้อยละ 46.0 กังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติ และภาษีของประชาชนที่ต้องเสียไป ร้อยละ 43.8 กังวลกับสถานการณ์คอร์รัปชั่นในแวดวงราชการและรัฐวิสาหกิจของประเทศจะมีเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 34.8 กังวลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของประเทศจะเสียหาย ร้อยละ 34.2 2. ข้อคำถาม “จากผลการเปิดโปงการคอร์รัปชั่นของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจในอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันรัฐบาลควรมีมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาในเรื่องใดมากที่สุด เพื่อ ป้องกันการคอร์รัปชั่นที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต” (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) การติดสินบน การให้เงินใต้โต๊ะ แก่เจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 49.8 การทุจริตการแต่งตั้ง การสอบคัดเลือก การรับเด็กเส้น เข้ามารับราชการในหน่วยงานภาครัฐ ร้อยละ 47.7 การใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ ร้อยละ 47.5 ความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ร้อยละ 46.6 การเอื้อประโยชน์ต่อกิจการที่ตนเอง พวกพ้อง ญาติพี่น้อง มีส่วนได้เสีย ร้อยละ 43.1 3. ข้อคำถาม “เชื่อมั่นหรือไม่ว่าการรื้อระบบการจัดซื้อจัดจ้างจะแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจได้” ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 61.8 เชื่อมั่น ร้อยละ 30.5 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 7.7 4. ความเชื่อมั่นต่อการออกกฎหมายป้องกันการคอร์รัปชั่น เช่น พ.ร.บ. 3 ชั่วโคตร จะช่วยป้องกันการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจได้ เชื่อมั่นค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด (โดยแบ่งเป็นค่อนข้างน้อยร้อยละ 34.7 และน้อยที่สุดร้อยละ 24.3) ร้อยละ 59.0 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงมากที่สุด (โดยแบ่งเป็นค่อนข้างมากร้อยละ 28.1 และมากที่สุดร้อยละ5.7) ร้อยละ 33.8 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 7.2 5. ความเห็นต่อการใช้ ม.44 ในการแก้ปัญหาการซื้อขายเก้าอี้ผู้ดำรงตำแหน่งทางราชการและรัฐวิสาหกิจ เห็นด้วย ร้อยละ 61.3 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 31.3 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 7.4 6. ข้อคำถาม “คิดว่ารัฐบาลมีมาตรการจริงจังเพียงใด ในการปราบปรามการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ตลอดระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา” ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด (โดยแบ่งเป็นค่อนข้างมากร้อยละ 52.8 และมากที่สุดร้อยละ 14.6) ร้อยละ 67.4 ค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด (โดยแบ่งเป็นค่อนข้างน้อยร้อยละ 22.3 และน้อยที่สุดร้อยละ 7.1) ร้อยละ 29.4 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 3.2
รายละเอียดการสำรวจ
1) เพื่อสะท้อนความเห็นต่อข่าวการเปิดโปงการคอร์รัปชั่นของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
2) เพื่อสะท้อนความเห็นต่อการแก้ปัญหาการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ
3) เพื่อต้องสะท้อนความเห็นว่ารัฐบาลมีมาตรการจริงจังเพียงใด ในการปราบปรามการคอร์รัปชั่นในหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ตลอดระยะเวลา 2 ปี 6 เดือน ที่ผ่านมา
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่ม ตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบ เลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 1 – 3 กุมภาพันธ์ 2560 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 4 กุมภาพันธ์ 2560
ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง
จำนวน ร้อยละ เพศ
ชาย 617 54.5 หญิง 516 45.5 รวม 1,133 100 อายุ 18 ปี - 30 ปี 160 14.1 31 ปี - 40 ปี 244 21.5 41 ปี - 50 ปี 321 28.4 51 ปี - 60 ปี 269 23.7 61 ปี ขึ้นไป 139 12.3 รวม 1,133 100 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 699 61.7 ปริญญาตรี 355 31.3 สูงกว่าปริญญาตรี 79 7 รวม 1,133 100 อาชีพ ลูกจ้างรัฐบาล 173 15.3 ลูกจ้างเอกชน 263 23.2 ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร 473 41.7 เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง 38 3.4 ทำงานให้ครอบครัว 6 0.5 พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/ เกษียณอายุ 132 11.7 นักเรียน/ นักศึกษา 35 3.1 ว่างงาน/ รวมกลุ่ม 13 1.1 รวม 1,133 100
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--