กรุงเทพโพลล์: “แรงงานไทย ใจสู้หรือเปล่า”

ข่าวผลสำรวจ Tuesday May 2, 2017 08:59 —กรุงเทพโพลล์

แรงงานไทย 65.2% ทราบว่ามีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 52.8% ชี้ควรขึ้นมากกว่านี้ 47.4% บอกค่าจ้างพอดีกับค่าใช้จ่าย แต่ไม่มีเงินออมเลย เปรียบการเงินของตนเองกับสำนวน พออยู่พอกินไปวันๆ 58.7% ไม่ทราบว่าแรงงานมีฝีมือ จะได้ค่าจ้างเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่อยากให้รัฐพัฒนาฝีมือด้านการทำอาหาร เครื่องดื่ม และ ไอที คอมพิวเตอร์

เนื่องในวันที่ 1 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ เป็นวันแรงงานแห่งชาติ กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “แรงงานไทย ใจสู้หรือเปล่า” โดยเก็บข้อมูลกับผู้ใช้แรงงาน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,149 คน พบว่า

ผู้ใช้แรงงานส่วนใหญ่ร้อยละ 65.2 รับทราบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 300 บาท เป็น 305 - 310 บาท ตามที่รัฐมีมติปรับขึ้นค่าจ้างใหม่ เริ่ม 1 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ขณะที่ร้อยละ 34.8 ไม่ทราบข่าว ทั้งนี้เมื่อถามต่อว่าได้รับค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 300 บาท เป็น 310 บาทแล้วหรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 78.9 ระบุว่า “ได้รับแล้ว” ขณะที่ร้อยละ 21.1 ระบุว่า “ยังไม่ได้รับ”

สำหรับความเห็นต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำดังกล่าวของภาครัฐพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 52.8 เห็นว่าน่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมากกว่านี้ ขณะที่ร้อยละ 32.8 เห็นว่าเป็นการขึ้นที่สมเหตุ สมผลแล้ว เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจ ส่วนร้อยละ 14.4 เห็นว่ายิ่งขึ้นยิ่งหางานทำยาก เพราะต้นทุนของนายจ้างเพิ่มสูงขึ้น

เมื่อถามว่าค่าแรงขั้นต่ำที่ได้รับในแต่ละวันเพียงพอกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 47.4 เห็นว่าพอดีกับค่าใช้จ่าย จึงไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม ส่วนร้อยละ 33.8 เห็นว่า ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม ขณะที่ร้อยละ 18.8 เห็นว่า เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม

ทั้งนี้เมื่อให้เปรียบสภาพทางการเงินของตนเองกับสำนวนไทยพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 64.2 เปรียบได้กับสำนวน พออยู่พอกิน รองลงมาร้อยละ 31.4 ชักหน้าไม่ถึงหลัง และร้อยละ 3.1 เหลือกินเหลือใช้

นอกจากนี้เมื่อถามว่าการเข้ามาของแรงงานต่างด้าว จากประเทศเพื่อนบ้าน มีผลต่อการแย่งงาน หรือ กีดกันการทำงานของแรงงานไทยใช่หรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 51.4 เห็นว่า “ไม่ใช่” ขณะที่ร้อยละ 48.6 เห็นว่า “ใช่”

เมื่อถามว่าทราบหรือไม่ว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำมีเพิ่มขึ้น จาก 300 ไปจนถึง 700 แก่กลุ่มแรงงานมีฝีมือ ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.7 ระบุว่า “ไม่ทราบ” ขณะที่ร้อยละ 41.3 ระบุว่า “ทราบ”

สุดท้ายเมื่อถามว่าหากมีโอกาสอยากได้รับการพัฒนาฝีมือแรงงานด้านใดจากหน่วยงานภาครัฐหรือกระทรวงแรงงาน เพื่อตอบรับไทยแลนด์ 4.0 ส่วนใหญ่ร้อยละ 36.3 อยากได้ รับการพัฒนาด้านการทำอาหาร เครื่องดื่มมากที่สุด รองลงมาด้านไอที คอมพิวเตอร์ (ร้อยละ 20.9) และด้านไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ (ร้อยละ 19.9)

โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถามดังต่อไปนี้

1. การรับทราบการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 300 บาท เป็น 305 - 310 บาท ตามที่รัฐมีมติปรับขึ้นค่าจ้างใหม่ เริ่ม 1 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา
ทราบ                                                    ร้อยละ          65.2
ไม่ทราบ                                                  ร้อยละ          34.8

2. ข้อคำถาม “ท่านได้รับค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจากเดิม 300 บาท เป็น 310 บาทหรือไม่”
ได้รับแล้ว                                                 ร้อยละ          78.9
ยังไม่ได้รับ                                                ร้อยละ          21.1

3. ความคิดเห็นต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำดังกล่าวของภาครัฐ
คิดว่าน่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมากกว่านี้                              ร้อยละ          52.8
คิดว่าเป็นการขึ้นที่สมเหตุสมผลแล้ว เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจ            ร้อยละ          32.8
คิดว่ายิ่งขึ้นยิ่งหางานทำยาก เพราะต้นทุนของนายจ้างเพิ่มสูงขึ้น          ร้อยละ          14.4

4. ข้อคำถาม “ค่าแรงขั้นต่ำที่ท่านได้รับในแต่ละวันเพียงพอกับค่าใช้จ่ายหรือไม่”
พอดีกับค่าใช้จ่ายจึงไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม                       ร้อยละ          47.4
ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม                         ร้อยละ          33.8
เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม                            ร้อยละ          18.8

5.  ข้อคำถาม “ถ้าให้เปรียบสภาพทางการเงินของท่านกับสำนวนไทย”
พออยู่พอกิน                                                ร้อยละ          64.2
ชักหน้าไม่ถึงหลัง                                            ร้อยละ          31.4
เหลือกินเหลือใช้                                            ร้อยละ           3.1
อดมื้อกินมื้อ                                                ร้อยละ           1.1
กัดก้อนเกลือกิน                                             ร้อยละ           0.2

6. ข้อคำถาม “การเข้ามาของแรงงานต่างด้าว จากประเทศเพื่อนบ้าน มีผลต่อการแย่งงาน หรือ กีดกันการทำงานของแรงงานไทยใช่หรือไม่”
ไม่ใช่                                                    ร้อยละ          51.4
ใช่                                                      ร้อยละ          48.6

7. ข้อคำถาม “ท่านทราบหรือไม่ว่าค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำมีเพิ่มขึ้น จาก 300 ไปจนถึง 700 แก่กลุ่มแรงงานมีฝีมือ”
ไม่ทราบ                                                  ร้อยละ          58.7
ทราบ                                                    ร้อยละ          41.3

8. ข้อคำถาม “หากมีโอกาส ท่านอยากได้รับการพัฒนาฝีมือแรงงานด้านใดจากหน่วยงานภาครัฐหรือกระทรวงแรงงาน เพื่อตอบรับไทยแลนด์ 4.0” (เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
การทำอาหาร เครื่องดื่ม                                      ร้อยละ          36.3
ไอที คอมพิวเตอร์                                           ร้อยละ          20.9
ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์                                          ร้อยละ          19.9
เครื่องยนต์ เครื่องกล                                        ร้อยละ          19.4
งานภาคบริการ สปา ความงาม                                 ร้อยละ          17.2
อุตสาหกรรม                                               ร้อยละ          16.8
ก่อสร้าง                                                  ร้อยละ          14.1
ด้านศิลปะ หัตถกรรม                                         ร้อยละ          11.1

รายละเอียดในการสำรวจ วัตถุประสงค์

1. เพื่อสะท้อนความเห็นเกี่ยวกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากเดิม 300 บาท เป็น 310 บาท ตามที่รัฐมีมติปรับขึ้นค่าจ้างใหม่ 305-310 บาท เริ่ม 1 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา

2. เพื่อสะท้อนค่าแรงขั้นต่ำที่ได้รับเพียงพอหรือไม่กับค่าใช้จ่าย

3. เพื่อต้องการทราบถึงอาชีพที่อยากให้ภาครัฐหรือกระทรวงแรงงานมาช่วยพัฒนาฝีมือแรงงาน

ระเบียบวิธีการสำรวจ

การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในทุกสาขาอาชีพ ที่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 18 เขต จากทั้งหมด 50 เขต แบ่งเป็นเขตชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ได้แก่ ดินแดง บางกะปิ บางขุนเทียน บางเขน บางคอแหลม บางนา บางบอน บึงกุ่ม ประเวศ พระนคร ภาษีเจริญ มีนบุรี ราชเทวี ลาดกระบัง วังทองหลาง สาทร สายไหม หนองแขม และปริมณฑล 2 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สมุทรปราการ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) จากนั้นใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ แบบพบตัว ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,149 คน เป็นชายร้อยละ 51.3 และหญิง ร้อยละ 48.7

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)

ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล

ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จาก นั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

          ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล           :  21 – 25 เมษายน 2560

          วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ               :   30 เมษายน 2560

ข้อมูลประชากรศาสตร์

จำนวน ร้อยละ เพศ

          ชาย                         590      51.3
          หญิง                         559      48.7
          รวม                       1,149       100
อายุ
          18 ปี - 30 ปี                 308      26.8
          31 ปี – 40 ปี                 284      24.7
          41 ปี – 50 ปี                 278      24.2
          51 ปี - 60 ปี                 215      18.7
          61 ปี ขึ้นไป                    64       5.6
          รวม                       1,149       100
การศึกษา
          ต่ำกว่าปริญญาตรี               1090      94.9
          ปริญญาตรี                      58         5
          สูงกว่าปริญญาตรี                  1       0.1
          รวม                       1,149       100
อาชีพ
          โรงงานอุตสาหกรรม             175      15.2
          กรรมกรก่อสร้าง                132      11.5
          รปภ. / ภารโรง               224      19.4
          แม่บ้าน / คนสวน               130      11.3
          รับจ้างทั่วไป                   194      16.9
          ช่างซ่อม                       37       3.2
          พนักงานบริการ / นวดแผนโบราณ    96       8.4
          พนักงานขับรถ                   56       4.9
          พนักงานขาย                    87       7.6
          อื่นๆ                          18       1.6
          รวม                       1,149       100

--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ