เด็กไทยใช้สมาร์ทโฟนถึงร้อยละ 96.7 โดยร้อยละ 74.8 ระบุว่า มีสมาร์ทโฟนเป็นของตนเอง ทั้งนี้ร้อยละ 84.7 ใช้สมาร์ทโฟนเพื่อดูหนังฟังเพลง รองลงมา ร้อยละ 78.5 ใช้เล่นเกม
เด็กไทยยังบอกว่าการใช้สมาร์ทโฟนทำให้ติดต่อสื่อสาร/แจ้งข่าวกับครอบครัวได้อย่างรวดเร็ว มีส่วนให้เกิดการสานสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
เนื่องด้วยวันเสาร์ที่ 12 มกราคมนี้ ตรงกับวันเด็กแห่งชาติ กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้สำรวจความคิดเห็นของเด็กๆ ในเรื่อง “เด็กไทยรุ่นใหม่ หัวใจสมาร์ทโฟน” โดยเก็บข้อมูลจากเด็กที่มีอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,052 คน พบว่า
เด็กไทยในปัจจุบันเล่นสมาร์ทโฟ/ไอแพด ร้อยละ 96.7 โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 74.8 ระบุว่าเป็นเครื่องของตัวเอง และร้อยละ 21.9 ระบุว่าเป็น เครื่องของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ขณะที่มีเด็กเพียงร้อยละ 3.3 เท่านั้นที่ระบุว่า ไม่ได้เล่นสมาร์ทโฟน/ไอแพด พ่อแม่ไม่ให้เล่น มี่มีอุปกรณ์ และไม่ชอบเล่น เป็นต้น
ทั้งนี้เด็กๆ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 84.7 ระบุว่าใช้สมาร์ทโฟ/ไอแพดเพื่อดูหนัง/ฟังเพลง รองลงมาร้อยละ 78.5 ระบุว่าใช้เพื่อเล่นเกม และร้อยละ 45.2 ใช้เพื่อหาข้อมูล/ความรู้ประกอบการเรียน
สำหรับการใช้เวลาอยู่กับสมาร์ทโฟน/ไอแพด ของเด็กๆ นั้น ร้อยละ 37.0 ระบุว่าประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน รองลงมาร้อยละ 23.6 ระบุว่าประมาณ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน และร้อยละ 11.6 ระบุว่าประมาณ 5-6 ชั่วโมงต่อวัน
ส่วนบุคคลที่เด็กๆ ส่วนใหญ่ร้อยละ 65.5 มักจะขอคำปรึกษา เวลามีปัญหาเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ คือ พ่อแม่/ผู้ปกครอง รองลงมา ร้อยละ 19.1 ระบุว่าค้นหาเองในกูเกิล และ ร้อยละ 14.1 ระบุว่าปรึกษาเพื่อน
เมื่อถามว่า “เด็กๆ ใช้สมาร์ทโฟน/ไอแพดเพื่อสานสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวในเรื่องใดบ้าง” ส่วนใหญ่ร้อยละ 66.1 ระบุว่า ติดต่อสื่อสาร/แจ้งเหตุ/บอก เหตุได้อย่างรวดเร็ว รองลงมาร้อยละ 53.5 ระบุว่าได้เห็นหน้าตากันโดยการคุยผ่านวีดีโอคอล และร้อยละ 37.9 ระบุว่าพูดคุยพร้อมกันได้ทีละหลายๆคน
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
เล่น ร้อยละ 96.7
โดยระบุว่า.....
เป็นเครื่องของตัวเอง/ส่วนตัว ร้อยละ 74.8 เป็นเครื่องของพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ร้อยละ 21.9 ไม่เล่น ร้อยละ 3.3
โดยให้เหตุผลว่า พ่อแม่ไม่ให้เล่น ไม่มีสมาร์ทโฟน และไม่ชอบเล่นฯลฯ
ดูรายการย้อนหลัง/ดูหนัง/ฟังเพลง ร้อยละ 84.7 เล่นเกม ร้อยละ 78.5 หาข้อมูล/ความรู้ประกอบการเรียน ร้อยละ 45.2 เล่นfacebook/ ไลฟ์สด ร้อยละ 45.1 คุยไลน์ ร้อยละ 42.1 อินสตาแกรม ร้อยละ 22.2 อ่านข่าว/ตามข่าว ร้อยละ 17.3 ติดตามดารา ร้อยละ 15.7 อื่นๆ เช่นคุยโทรศัพท์ เล่นทวิตเตอร์ ฯลฯ ร้อยละ 3.1 3. เด็กๆ ใช้เวลาอยู่กับมือถือ/สมาร์ทโฟน/ไอแพด เฉลี่ยวันละ.............. น้อยกว่า 1 ชั่วโมง ร้อยละ 10.0 ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ร้อยละ 37.0 ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ร้อยละ 23.6 ประมาณ 5-6 ชั่วโมง ร้อยละ 11.6 ประมาณ 7-8 ชั่วโมง ร้อยละ 6.5 ประมาณ 9-10 ชั่วโมง ร้อยละ 5.4 ประมาณ 10 ชั่วโมงขึ้นไป ร้อยละ 5.9 4. บุคคลที่เด็กๆ มักจะขอคำปรึกษา เวลามีปัญหาเรื่องการใช้สมาร์ทโฟนหรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ พ่อแม่/ผู้ปกครอง ร้อยละ 65.5 ค้นหาเองในกูเกิล ร้อยละ 19.1 เพื่อน ร้อยละ 14.1 คุณครู ร้อยละ 1.3 5.เมื่อถามว่า “เด็กๆ ใช้สมาร์ทโฟน/ไอแพดเพื่อสานสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวในเรื่องใดบ้าง” ติดต่อสื่อสาร/แจ้งเหตุ/บอกเหตุได้อย่างรวดเร็ว ร้อยละ 66.1 ได้เห็นหน้าตากันโดยการคุยผ่านวีดีโอคอล ร้อยละ 53.5 พูดคุยพร้อมกันได้ทีละหลายๆคน ร้อยละ 37.9 บอกพิกัดให้กับผู้ปกครองว่าตอนนี้อยู่ตรงไหน ร้อยละ 33.7 อื่นๆ เช่น ทำกิจกรรมต่างๆ ดูละครร่วมกัน ถ่ายรูป ร้อยละ 2.8 เปิดคลิปให้แม่เต้นออกกำลังกาย ฯลฯ
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของเด็กอายุ 6 -14 ปี ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ โดยสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ สมาร์ทโฟน/ไอแพด ของเด็กๆ ในปัจจุบันเพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของเด็กให้ผู้ใหญ่ในสังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ และนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา ประเทศต่อไป
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างเด็กอายุ 6-14 ปีที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา– มัธยมศึกษาตอนต้นทั้งโรงเรียนในสังกัดรัฐบาลและสังกัดเอกชน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยสุ่มจากเขตการปกครองทั้งเขตชั้นในชั้นกลางและชั้นนอกด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) จากนั้นจึงสุ่มประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,052 คน เป็นเพศชายร้อยละ 49.8 และเพศหญิงร้อยละ 50.2
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ?4 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์กับกลุ่มตัวอย่างโดยตรง (Face to face interview) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 8-10 มกราคม 2562
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 12 มกราคม 2562
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--