ประชาชนส่วนใหญ่ 70.6% มีสิทธิหรือเข้าถึงมาตรการดูแลเยียวยารายได้ลูกจ้าง แรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระสิ่งที่ประชาชนต้องการจากการ เยียวยามากที่สุด ส่วนใหญ่ 70.9% ต้องการเงิน โดยเห็นว่ารัฐควรหาวิธีการเยียวยาที่เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึงมากที่สุดชี้หากไม่ได้รับการเยียวยาประชาชนร้อยละ 45.7 จะกู้ยืมจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ประชาชนแนะรัฐควรให้แรงงานมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อเก็บออม โดยมีรัฐเป็นผู้สมทบในกองทุนมากที่สุด เพื่อเป็น หลักประกันให้กับแรงงาน
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “เสียงสะท้อนคนไทยต่อมาตรการเยียวยา” โดย เก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,402 คน พบว่า
เมื่อถามประชาชนว่า “มาตรการที่ท่านมีสิทธิได้รับการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19” ส่วนใหญ่ร้อยละ 70.6 มีสิทธิหรือ เข้าถึงมาตรการดูแลเยียวยารายได้ลูกจ้าง แรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ รองลงมาคือ มาตรการดูแลและเยียวยาให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อคิดเป็น ร้อยละ 21.8 และมาตรการดูแลและเยียวยาจัดหาอุปกรณ์ป้องกันโรค COVID-19 คิดเป็นร้อยละ 12.9
สำหรับสิ่งที่ต้องการมากที่สุดจากการเยียวยาคือ เงินเยียวยาคิดเป็นร้อยละ 70.9 รองลงมาคือ ไม่ถูกพักงานหรือลดเงินเดือนคิดเป็นร้อยละ 7.2 พักชำระหนี้จากสถาบันทางการเงิน คิดเป็นร้อยละ 6.9 ข้าวสารอาหารแห้ง คิดเป็นร้อยละ 4.5 และลดหย่อนค่าสาธารณูปโภค คิดเป็นร้อยละ 4.2
เมื่อถามว่า “คิดเห็นอย่างไรต่อการจัดการมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีหลากหลายมาตรการ ไปยังคน หลากหลายกลุ่ม” ประชาชนร้อยละ 37.5 เห็นว่าควรหาวิธีการเยียวยาที่เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึงมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 25.5 เห็นว่าไม่ต้องมีระบบ การลงทะเบียน ควรแจกตามฐานข้อมูลสำเนาทะเบียนราษฎร์ และร้อยละ17.7 เห็นว่าการเยียวยาต้องรวดเร็วและตรวจสอบง่ายมากกว่านี้
ทั้งนี้เมื่อถามว่า “ท่านจะทำอย่างไร หากไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ เลย” ประชาชนร้อยละ 45.7 จะกู้ยืมมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 41.1 จะร้องเรียน/ ทบทวนสิทธิประโยชน์อีกครั้ง ร้อยละ 39.5 จะประหยัด พอพียง และร้อยละ 16.1 จะเปลี่ยนอาชีพ หางานพิเศษ
สุดท้ายเมื่อถามความเห็นต่อแรงงานไทย ผู้มีอาชีพอิสระ ควรได้รับหลักประกันใดที่เหมาะสม จากวิกฤตที่ผ่านมาพบว่า ประชาชนร้อยละ 30.9 เห็นว่า ควรให้แรงงานมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อเก็บออม โดยมีรัฐเป็นผู้สมทบในกองทุนมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 27.3 เห็นว่าควรมีการลงทะเบียนแรงงานในระบบที่ ตรวจสอบได้ และร้อยละ 19.5 เห็นว่าควรมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมสำหรับแรงงานเพื่อรักษาสภาพคล่อง ยามจำเป็น
รายละเอียดตามประเด็นข้อคำถามดังต่อไปนี้
มาตรการดูแลเยียวยารายได้ลูกจ้าง แรงงาน ลูกจ้างชั่วคราว อาชีพอิสระ ร้อยละ 70.6 มาตรการดูแลและเยียวยาให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อ ร้อยละ 21.8 มาตรการดูแลและเยียวยาจัดหาอุปกรณ์ป้องกันโรค COVID-19 ร้อยละ 12.9 มาตรการดูแลและเยียวยาผู้ประกอบการ กลุ่มนักลงทุน เช่น ปล่อยเงินกู้เสริมสภาพคล่อง ร้อยละ 5.5 มาตรการดูแลและเยียวยากลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ร้อยละ 3.3 อื่นๆ เช่น ถุงยังชีพ เข้าไม่ถึงสิทธิ ไม่ได้รับการเยียวยา ร้อยละ 14.0 2. สิ่งที่ท่านต้องการมากที่สุดจากการเยียวยา(ตอบเพียง 1 ข้อ) เงินเยียวยา ร้อยละ 70.9 ไม่ถูกพักงานหรือลดเงินเดือน ร้อยละ 7.2 พักชำระหนี้จากสถาบันทางการเงิน ร้อยละ 6.9 ข้าวสารอาหารแห้ง ร้อยละ 4.5 ลดหย่อนค่าสาธารณูปโภค ร้อยละ 4.2 สิทธิตรวจรักษา COVID-19 ฟรี ร้อยละ 3.0 อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค ร้อยละ 0.5 อื่นๆ เช่น ลดค่าเช่าร้าน เข้าถึงเงินกู้ง่ายขึ้น ร้อยละ 2.8 3. ข้อคำถาม “คิดเห็นอย่างไรต่อการจัดการมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มีหลากหลายมาตรการ ไปยังคนหลากหลายกลุ่ม” (ตอบเพียง 1 ข้อ) ควรหาวิธีการเยียวยาที่เข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง ร้อยละ 37.5 ไม่ต้องมีระบบการลงทะเบียน ควรแจกตามฐานข้อมูลสำเนาทะเบียนราษฎร์ ร้อยละ 25.5 การเยียวยาต้องรวดเร็วและตรวจสอบง่ายมากกว่านี้ ร้อยละ 17.7 ควรให้การเยียวยาด้วยมาตรการที่เป็นธรรม ร้อยละ 10.3 ระบบการลงทะเบียนทางอินเทอร์เน็ต อาจทำให้หลายคนตกหล่นไป ร้อยละ 4.6 ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกกลุ่มแล้ว ร้อยละ 1.9 อื่นๆ เช่น แจกทุกคน แจกทุกบ้าน ร้อยละ 2.5 4. ข้อคำถาม “ท่านจะทำอย่างไร หากไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ เลย”(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) กู้ยืม ร้อยละ 45.7 ร้องเรียน / ทบทวนสิทธิประโยชน์อีกครั้ง ร้อยละ 41.1 ประหยัด พอพียง ร้อยละ 39.5 เปลี่ยนอาชีพ หางานพิเศษ ร้อยละ 16.1 กลับภูมิลำเนาบ้านเกิด ร้อยละ 7.4 ไม่ได้รับผลกระทบ ไม่เป็นไรเลย ร้อยละ 1.2 อื่นๆ เช่น ทำใจอยู่ไปวันๆ ดิ้นรนสู้ต่อไป ร้อยละ 7.6 5. ความเห็นต่อแรงงานไทย ผู้มีอาชีพอิสระ ควรได้รับหลักประกันใดที่เหมาะสม จากวิกฤตที่ผ่านมา (ตอบเพียง 1 ข้อ) ควรให้แรงงานมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อเก็บออม โดยมีรัฐเป็นผู้สมทบในกองทุน ร้อยละ 30.9 ควรมีการลงทะเบียนแรงงานในระบบที่ตรวจสอบได้ ร้อยละ 27.3 ควรมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กู้ยืมสำหรับแรงงานเพื่อรักษาสภาพคล่อง ยามจำเป็น ร้อยละ 19.5 ควรให้แรงงานทุกคนเข้าระบบประกันสังคม ให้มีค่ารักษาพยาบาล และเงินยามเกษียณ ร้อยละ 16.4 ควรมีระบบฝึกอบรมพัฒนาทักษะแรงงานอย่างเป็นระบบ ร้อยละ 3.0 อื่นๆเช่น รัฐควรจัดทำฐานข้อมูลแรงงาน รัฐควรช่วยหางานให้ ร้อยละ 2.9
รายละเอียดการสำรวจ
1) เพื่อสะท้อนถึงมาตรการเยียวยาและเรื่องที่อยากให้เยียวยาจากสถานการณ์ covid-19
2) เพื่อสะท้อนความเห็นต่อแรงงานไทย ผู้มีอาชีพอิสระ ควรได้รับหลักประกันใดที่เหมาะสม จากวิกฤตที่ผ่านมา
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามออนไลน์ ผ่าน social media รูปแบบต่างๆ โดยเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถาม แบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนการประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 22-29 เมษายน 2563
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 1 พฤษภาคม 2563
ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์