จากมาตรการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดน้อยลงหรือเป็นศูนย์ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 88.1 ระบุว่า ยังมี พฤติกรรมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคด้วยการล้างมือ-กินร้อน-ช้อนใครช้อนมัน เหมือนเดิม ขณะที่ร้อยละ 28.2 ยอมรับว่ามีพฤติกรรมการเว้นระยะห่างทางสังคม ลดลง
ทั้งนี้ร้อยละ 56.0 กังวลว่าการปิดบัง/ไม่ปฏิบัติตามกฎ จากผู้ที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง จะทำให้การด์ตกจนเกิดความเสี่ยงต่อการเกิด COVID-19 รอบ 2 ส่วนร้อยละ 55.5 ระบุว่า ควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามข้อเท็จจริง เพื่อกระตุ้นไม่ให้คนไทยการ์ดตก
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง?คนไทยการ์ดตกหรือยัง? โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาค ทั่วประเทศจำนวน 1,215 คน พบว่า
จากมาตรการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดน้อยลงหรือเป็นศูนย์ ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่ารักษาพฤติกรรมป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อโรคเท่าเดิม โดย 3 อันดับแรกคือ ล้างมือ-กินร้อน-ช้อนใครช้อนมัน ร้อยละ 88.1 รองลงมาคือ เก็บตัวอยู่บ้านเมื่อรู้สึกไม่สบายร้อยละ 82.2 และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน ร้อยละ 80.9
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาแล้วพบว่า พฤติกรรมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่ประชาชนยอมรับว่าปฏิบัติลดลงมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ การเว้นระยะห่างทาง สังคม อย่างน้อย 1-2 เมตร โดยลดลงร้อยละ 28.2 รองลงมาคือ นั่งทานอาหารห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร ลดลงร้อยละ 23.5 และเช็คอินไทยชนะ/ลงทะเบียน ก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ ลดลงร้อยละ 17.7
ส่วนสถานการณ์ที่กังวลว่าจะทำให้การด์ตก จนเกิดความเสี่ยงต่อการเกิด COVID-19 รอบ 2 ในประเทศไทยมากที่สุดคือ การปิดบัง/ไม่ปฏิบัติตามกฎ จาก ผู้ที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการต้องสงสัยแต่ไม่แจ้ง ร้อยละ 56.0 รองลงมาคือ พฤติกรรมการป้องกันตนเองของคนในประเทศลดลง ร้อยละ 33.2 และการ เข้าไปอยู่ในที่ชุมนุมชน มีการรวมกลุ่มในพื้นที่จำกัด เช่น ผับ บาร์ เพราะอาจเจอ super spread ร้อยละ 32.3
สำหรับมาตรการกระตุ้นไม่ให้คนไทยการ์ดตกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด COVID-19 รอบ 2 คือ ควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ตามข้อเท็จจริงแก่ประชาชน ร้อยละ 55.5 รองลงมาคือ ควรแสดงให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากเกิด COVID-19 รอบ 2 ร้อยละ 49.8 และควรประชาสัมพันธ์ ตามสื่อต่างๆ เพื่อให้ประชาชนป้องกันตนเองจากเชื้อ COVID-19 อยู่เสมอร้อยละ 44.7
โดยมีรายละเอียดตามประเด็นข้อคำถาม ดังต่อไปนี้
ประเด็น เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง (ร้อยละ) (ร้อยละ) (ร้อยละ) ล้างมือ-กินร้อน-ช้อนใครช้อนมัน 4.5 88.1 7.4 เก็บตัวอยู่บ้านเมื่อรู้สึกไม่สบาย 11.9 82.2 5.9 สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน 8.7 80.9 10.4 เช็คอินไทยชนะ/ลงทะเบียน ก่อนเข้าสถานที่ต่างๆ 5.2 77.1 17.7 ล้างมือบ่อยๆ โดยใช้สบู่ หรือ เจลแอลกอฮอล์ 8.3 76.7 15 หลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ 12.6 75.2 12.2 นั่งทานอาหารห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร 3.6 72.9 23.5 ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่ไอ จาม 25.6 70.1 4.3 หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด และมีมลภาวะเป็นพิษ 16.8 69.8 13.4 การเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างน้อย 1-2 เมตร 5 66.8 28.2 2. สถานการณ์ที่กังวลว่าจะทำให้การด์ตก จนเกิดความเสี่ยงต่อการเกิด COVID-19 รอบ 2 ในประเทศไทยมากที่สุด(เลือกตอบได้มากกว่า1 ข้อ) การปิดบัง/ไม่ปฏิบัติตามกฎ จากผู้ที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการต้องสงสัยแต่ไม่แจ้ง ร้อยละ 56.0 พฤติกรรมการป้องกันตนเองของคนในประเทศลดลง ร้อยละ 33.2 การเข้าไปอยู่ในที่ชุมนุมชน มีการรวมกลุ่มในพื้นที่จำกัด เช่น ผับ บาร์ เพราะอาจเจอ super spread ร้อยละ 32.3 อื่นๆ อาทิ ประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาในประเทศไทย ร้อยละ 2.5 3. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด COVID-19 รอบ 2 ควรมีมาตรการอย่างไรกระตุ้นไม่ให้คนไทยการ์ดตก (เลือกตอบได้มากกว่า1 ข้อ) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามข้อเท็จ จริงแก่ประชาชน ร้อยละ 55.5 แสดงให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากเกิด COVID-19 รอบ 2 ร้อยละ 49.8 ประชาสัมพันธ์ ตามสื่อต่างๆ เพื่อให้ประชาชนป้องกันตนเองจากเชื้อCOVID-19 อยู่เสมอ ร้อยละ 44.7 ตรวจสอบ สถานที่ต่างๆ เป็นประจำ เช่น ห้าง สถานบันเทิง ร้านอาหาร และลงโทษหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรน ร้อยละ 44.6 มาตรการที่มีอยู่ในขณะนี้ดีอยู่แล้ว ร้อยละ 19.6 อื่นๆ อาทิ ควรมีมาตรการที่ชัดเจน สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศให้ปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อยกเว้น ร้อยละ 2.2 ตรวจตามด่านชายแดนที่อาจมีผู้ติดเชื้อการลักลอบเข้ามา มีระบบคัดกรองตามจุดสำคัญๆ ให้เข้มข้นขึ้น ฯลฯ ?
รายละเอียดการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับพฤติกรรมป้องกันตนเองจากเชื้อ COVID-19 หลังจากยอดผู้ติดเชื้อในประเทศไทยลดน้อยลงหรือเป็นศูนย์ ตลอดจนสถานการณ์ที่อาจทำให้การ์ดตกจนเกิดความเสี่ยงต่อการเกิด COVID-19 รอบ 2 และแนวทางป้องกัน ไม่ให้คนไทยการ์ดตก เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของ ประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวง มหาดไทย
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วย ข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 28-30 กันยายน 2563
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 3 ตุลาคม 2563
ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์