คนไทยถึงร้อยละ 45.4 ตั้งใจเดินทางในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ โดยจะเดินทางไปทำบุญมากที่สุด
ผู้เดินทางส่วนใหญ่ร้อยละ 63.1 ไม่ได้วางแผนการเดินทาง
ประชาชนเชื่อมั่นมากต่อหน่วยงานภาครัฐในการใช้มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 5 ด้าน
เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วง 7 วันอันตราย
ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.2 ทราบเกี่ยวกับกฎกระทรวงกำหนดความเร็วใหม่
เชื่อมั่นน้อยต่อกฎความเร็วรถจักยานยนต์ 400 cc ขึ้นไป ไม่เกิน 100 กม./ชม. จะสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้เดินทาง
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ผลสำรวจเรื่อง ?คนไทยกับการเดินทางช่วงหยุดยาวปีใหม่ไทย 2564?
กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง ?คนไทยกับการเดินทางช่วงหยุดยาวปีใหม่ไทย 2564? โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศจำนวน 1,170 คน พบว่า คนไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 54.6 ตั้งใจจะอยู่บ้านไม่ออกไปไหนในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีใหม่ไทย ขณะที่ร้อยละ 45.4 ตั้งใจจะเดินทาง โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 29.8 จะเดินทางไปทำบุญ ร้อยละ 16.8 จะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดตนเอง และร้อยละ 13.1 จะเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด
ทั้งนี้เมื่อถามผู้ที่ตั้งใจเดินทางว่ามีการวางแผนจะเดินทางในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีใหม่ไทยหรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.1 ไม่มีการวางแผนไปตามปกติ ขณะที่ร้อยละ 36.9 มีการวางแผน โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 19.8 วางแผนเดินทางไปก่อนเทศกาลหรือก่อนวันที่นักท่องเที่ยวเดินทาง ร้อยละ 8.8 วางแผนหลีกเลี่ยงเส้นทางหลักที่มีการจราจรหนาแน่น และร้อยละ 8.3 วางแผนเดินทางไปหลังวันที่นักท่องเที่ยวเดินทางหรือคนนิยมเดินทาง
เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานภาครัฐในการใช้มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 5 ด้านอย่างจริงจัง เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วง 7 วันอันตราย พบว่า ในภาพรวมประชาชนให้คะแนนความเชื่อมั่น 3.47 คะแนนจากเต็ม 5 คะแนน ซึ่งแปลผลว่ามีความเชื่อมั่นมาก โดยด้านที่เชื่อมั่นมากที่สุดคือ การเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ 3.99 คะแนน ส่วนด้านที่เชื่อมั่นน้อยที่สุดคือ การลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อมได้ 3.22 คะแนน
ทั้งนี้เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อกฎกระทรวงกำหนดความเร็วใหม่ในทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท จะสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้เดินทาง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มากน้อยเพียงใดพบว่า ในภาพรวมประชาชนให้คะแนนความเชื่อมั่น 3.12 คะแนนจากเต็ม 5 คะแนน ซึ่งแปลผลว่ามีความเชื่อมั่นปานกลาง โดยกฎความเร็วใหม่ที่ประชาชนเชื่อมั่นมากที่สุดคือรถยนต์วิ่งเลนขวา ไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. และรถโดยสาร ไม่เกิน 100 กม./ชม. โดยได้คะแนน 3.32 คะแนนเท่ากัน ขณะที่รถจักยานยนต์ 400 cc ขึ้นไป ไม่เกิน 100 กม./ชม. ได้คะแนนน้อยที่สุด 2.80 คะแนน
รายละเอียดตามประเด็นข้อคำถามดังต่อไปนี้
1. ข้อคำถาม ?ท่านจะเดินทางในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีใหม่ไทยหรือไม่?
ตั้งใจจะอยู่บ้านไม่ออกไปไหน ร้อยละ 54.6 ตั้งใจจะเดินทาง โดย จะเดินทางไปทำบุญ ร้อยละ 29.8 (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) จะเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดตนเอง ร้อยละ 16.8 จะเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ร้อยละ 13.1 จะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างจังหวัด ร้อยละ 7.7 จะเดินทางไปต่างประเทศ ร้อยละ 0.2 อื่นๆ อาทิเช่น ยังไม่แน่ใจ ร้อยละ 1.8 ร้อยละ 45.4 2. การวางแผนจะเดินทางในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีใหม่ไทย (ถามเฉพาะผู้ที่ตั้งใจเดินทาง) ไม่มีการวางแผนไปตามปกติ ร้อยละ 63.1 มีการวางแผน ร้อยละ 36.9 โดย วางแผนเดินทางไปก่อนเทศกาลหรือก่อนวันที่นักท่องเที่ยวเดินทาง ร้อยละ 19.8 วางแผนหลีกเลี่ยงเส้นทางหลักที่มีการจราจรหนาแน่น ร้อยละ 8.8 วางแผนเดินทางไปหลังวันที่นักท่องเที่ยวเดินทางหรือคนนิยมเดินทาง ร้อยละ 8.3 3. ความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานภาครัฐในการใช้มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 5 ด้านอย่างจริงจัง เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วง 7 วันอันตราย ด้าน ความเชื่อมั่น (คะแนน) การเตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยจัดเตรียมความพร้อมโรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย 3.99 การที่ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้ง ?ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์? 3.53 การบริหารจัดการ อาทิ จัดตั้งศูนย์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 3.36 การลดปัจจัยเสี่ยงด้านยานพาหนะ ด้วยการกำกับ ควบคุม ดูแลรถโดยสารสาธารณะ รถโดยสารไม่ประจำทาง พนักงานขับรถ และพนักงานประจำรถ 3.27 การลดปัจจัยเสี่ยงด้านถนนและสภาพแวดล้อม ด้วยการตรวจสอบลักษณะกายภาพถนน จุดเสี่ยง จุดอันตราย จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง 3.22 เฉลี่ยรวม 3.47 ซึ่งทำให้ได้เกณฑ์สำหรับการแปลความหมายผลการวิเคราะห์ดังนี้ ค่าเฉลี่ย 4.21 ? 5.00 หมายถึง มีความเชื่อมั่นมากที่สุด ค่าเฉลี่ย 3.41 ? 4.20 หมายถึง มีความเชื่อมั่นมาก ค่าเฉลี่ย 2.61 ? 3.40 หมายถึง มีความเชื่อมั่นปานกลาง ค่าเฉลี่ย 1.81 ? 2.60 หมายถึง มีความเชื่อมั่นน้อย ค่าเฉลี่ย 1.00 ? 1.80 หมายถึง มีความเชื่อมั่นน้อยที่สุด 4. การรับทราบเกี่ยวกับกฎกระทรวงกำหนดความเร็วใหม่ ในทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทราบ ร้อยละ 58.2 ไม่ทราบ ร้อยละ 41.8 5. ความเชื่อมั่นต่อกฎกระทรวงกำหนดความเร็วใหม่ในทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท จะสร้างความปลอดภัย ให้แก่ผู้เดินทาง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์มากน้อยเพียงใด กฎกระทรวงกำหนดความเร็วใหม่ ความเชื่อมั่น (คะแนน) รถยนต์วิ่งเลนขวา ไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม. 3.32 รถโดยสาร ไม่เกิน 100 กม./ชม. 3.32 รถบรรทุก ไม่เกิน 90 กม./ชม. 3.15 รถยนต์ไม่เกิน 120 กม./ชม. 3.13 รถจักยานยนต์ ไม่เกิน 80 กม./ชม. 2.99 รถจักยานยนต์ 400 cc ขึ้นไป ไม่เกิน 100 กม./ชม. 2.80 เฉลี่ยรวม 3.12
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) โทร. 02-407-3886 ต่อ 2898 E-mail: bangkokpoll@bu.ac.th Website: http://bangkokpoll.bu.ac.th
Twitter : http://twitter.com/bangkok_poll Facebook : https://facebook.com/bangkokpoll
รายละเอียดการสำรวจ
1) เพื่อสะท้อนถึงการเดินทางในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีใหม่ไทย (10 ? 16 เม.ย. 64) 2) เพื่อสะท้อนถึงการวางแผนจะเดินทางในช่วงหยุดยาวสงกรานต์ปีใหม่ไทย 3) เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานภาครัฐในการใช้มาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 5 ด้านอย่างจริงจัง เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วง 7 วันอันตราย 4) เพื่อสะท้อนถึงการรับทราบเกี่ยวกับกฎกระทรวงกำหนดความเร็วใหม่ ในทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท 5) เพื่อสะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่อกฎกระทรวงกำหนดความเร็วใหม่ จะสร้างความปลอดภัย ให้แก่ผู้เดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์มากน้อยเพียงใด ประชากรที่สนใจศึกษา การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error) การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 3 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95 วิธีการรวบรวมข้อมูล ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 22 ? 24 มีนาคม 2564 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 10 เมษายน 2564 ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 578 49.4 หญิง 592 50.6 รวม 1,170 100.0 อายุ 18 ปี - 30 ปี 84 7.2 31 ปี - 40 ปี 169 14.4 41 ปี - 50 ปี 306 26.2 51 ปี - 60 ปี 332 28.4 61 ปี ขึ้นไป 279 23.8 รวม 1,170 100.0 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 650 55.5 ปริญญาตรี 381 32.6 สูงกว่าปริญญาตรี 139 11.9 รวม 1,170 100.0 อาชีพ ลูกจ้างรัฐบาล 169 14.4 ลูกจ้างเอกชน 230 19.7 ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร 421 36.0 เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง 52 4.4 ทำงานให้ครอบครัว 1 0.1 พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/ เกษียณอายุ 256 21.9 นักเรียน/ นักศึกษา 18 1.5 ว่างงาน/ รวมกลุ่ม 23 2.0 รวม 1,170 100.0
ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์