เปิดเทอมใหม่นี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 88.1 ระบุว่าอยากให้บุตร หลาน ไปเรียน On Site ที่โรงเรียน โดยร้อยละ 93.9 ให้เหตุผลว่าเด็กได้ความรู้และมีคุณภาพดีกว่าเรียนออนไลน์
ทั้งนี้ส่วนใหญ่ร้อยละ 74.5 ระบุว่ามีความมั่นใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุดว่าโรงเรียนจะปฏิบัติตามมาตรการเปิดเรียน On Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด-19 ในสถานศึกษาได้
ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบุตร หลาน นั้น ส่วนใหญ่ร้อยละ 56.5 ระบุว่าได้รับการฉีดแล้ว 2 เข็ม
ผลสำรวจเรื่อง ?ผู้ปกครองพร้อมไหม กับการเปิดเรียน On Site เต็มรูปแบบ?
กรุงเทพโพลล์ โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง ?ผู้ปกครองพร้อมไหม กับการเปิดเรียน On Site เต็มรูปแบบ? โดยเก็บข้อมูลจากผู้ที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนปลายทั่วประเทศ จำนวน 1,026 คน เมื่อวันที่ 9-12 พฤษภาคม ที่ผ่านมาพบว่า
เปิดเทอมใหม่นี้ จะเปิดเรียน On Site เต็มรูปแบบ ผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 88.1 ระบุว่าอยากให้บุตร หลานไปเรียนที่โรงเรียน โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 93.9 ให้เหตุผลว่าเด็กได้ความรู้และมีคุณภาพดีกว่าเรียนออนไลน์ รองลงมาร้อยละ 79.5 ให้เหตุผลว่าเด็กจะได้พบปะเพื่อน ทำกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน และร้อยละ 61.1 ให้เหตุผลว่าเรียนออนไลน์เด็กไม่มีสมาธิในการเรียนโดยเฉพาะชั้นอนุบาล-ประถม ขณะที่ ร้อยละ 11.9 ระบุว่าไม่อยากให้ไป โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 64.8 ให้เหตุผลว่าผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแต่ฉีดวัคซีนครบและไม่มีอาการ สามารถไปเรียนได้ รองลงมาร้อยละ 52.5 ให้เหตุผลว่าบุตร หลานยังเล็กอยู่ ไม่สามารถดูแลและป้องกันตัวเองได้เหมือนเด็กโต และร้อยละ 40.2 ให้เหตุผลว่าสัดส่วนการฉีดวัคซีนในเด็กทั้งเข็มพื้นฐานและเข็มกระตุ้นยังไม่ถึง 70%
ส่วนความมั่นใจที่มีต่อโรงเรียนของบุตร หลานว่าจะปฏิบัติตามมาตรการเปิดเรียน On Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด-19ในสถานศึกษาได้ นั้น พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 74.5 ระบุว่ามีความมั่นใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 25.5 ระบุว่ามีความมั่นใจค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด
ทั้งนี้เมื่อถามว่า บุตร หลานของท่านได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วหรือยัง ผู้ปกครองส่วนใหญ่ร้อยละ 56.5 ระบุว่าได้รับการฉีดแล้ว 2 เข็ม รองลงมาร้อยละ 17.8 ระบุว่าได้รับการฉีดแล้ว 1 เข็ม และร้อยละ 10.1 ระบุว่าฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว ขณะที่ร้อยละ 15.6 ระบุว่ายังไม่ได้ฉีด
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
?
1. เปิดเทอมใหม่นี้ จะเปิดเรียน On Site เต็มรูปแบบ ท่านอยากให้บุตร หลานของท่านไปเรียนที่โรงเรียนหรือไม่
อยากให้ไป ร้อยละ 88.1 โดยให้เหตุผล 5 อันดับแรก ว่า (เลือกตอบได้มากกว่า 1 เหตุผล) - เด็กได้ความรู้และมีคุณภาพดีกว่าเรียนออนไลน์ ร้อยละ 93.9 - เด็กจะได้พบปะเพื่อน ทำกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกัน ร้อยละ 79.5 - เรียนออนไลน์เด็กไม่มีสมาธิในการเรียน โดยเฉพาะชั้นอนุบาล-ประถม ร้อยละ 61.1 - บุตร หลานได้รับวัคซีนแล้ว น่าจะปลอดภัยในระดับหนึ่ง ร้อยละ 59.7 - ไม่มีเวลาดู บุตร-หลาน ช่วงเรียนออนไลน์/เรียนที่บ้าน ร้อยละ 37.9 ไม่อยากให้ไป ร้อยละ 11.9 โดยให้เหตุผล 5 อันดับแรก ว่า (เลือกตอบได้มากกว่า 1 เหตุผล) - ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแต่ฉีดวัคซีนครบและไม่มีอาการ สามารถไปเรียนได้ ร้อยละ 64.8 - บุตร หลานยังเล็กอยู่ ไม่สามารถดูแลและป้องกันตัวเองได้เหมือนเด็กโต ร้อยละ 52.5 - สัดส่วนการฉีดวัคซีนในเด็กทั้งเข็มพื้นฐานและเข็มกระตุ้นยังไม่ถึง 70% ร้อยละ 40.2 - บุตร-หลานยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังฉีดไม่ครบโดส ร้อยละ 31.1 - การใช้บริการรถสาธารณะ รถโรงเรียน เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ร้อยละ 26.2 2. ท่านมั่นใจเพียงใดว่าโรงเรียนของบุตร หลานท่านจะปฏิบัติตามมาตรการเปิดเรียน On Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด-19ในสถานศึกษา มั่นใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ร้อยละ 74.5 (โดยแบ่งเป็น มั่นใจค่อนข้างมาก ร้อยละ 62.4 และมั่นใจมากที่สุด ร้อยละ 12.1) มั่นใจค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ร้อยละ 25.5 (โดยแบ่งเป็น มั่นใจค่อนข้างน้อย ร้อยละ 24.1 และมั่นใจน้อยที่สุด ร้อยละ 1.4) 3. บุตร หลานของท่านได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วหรือยัง ฉีดแล้ว 2 เข็ม ร้อยละ 56.5 ฉีดแล้ว 1 เข็ม ร้อยละ 17.8 ฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 แล้ว ร้อยละ 10.1 ยังไม่ได้ฉีด ร้อยละ 15.6 ? รายละเอียดในการสำรวจ วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องการเปิดเทอมแบบ On Site เต็มรูปแบบในปีการศึกษา 2565 ในประเด็นต่างๆ ได้แก่ ความต้องการให้บุตร หลานไปเรียน On Site ความเชื่อมั่นต่อโรงเรียนจะปฏิบัติตามมาตรการเปิดเรียน On Site ปลอดภัย อยู่ได้กับโควิด-19 ในสถานศึกษา และการได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบุตรหลาน ทั้งนี้เพื่อสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของประชาชนให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ประชากรที่สนใจศึกษา
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างผู้ที่มีบุตร หลานเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล-มัธยมศึกษาตอนปลาย จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยการสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์จากฐานข้อมูลของกรุงเทพโพลล์ ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple Random Sampling) แล้วใช้วิธีการถ่วงน้ำหนักด้วยข้อมูลประชากรศาสตร์จากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน ? 4 ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีการรวบรวมข้อมูล
ใช้การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ (Enumeration by telephone) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอนประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นจึงนำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 9-12 พฤษภาคม 2565
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 14 พฤษภาคม 2565
จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 486 47.4 หญิง 540 52.6 รวม 1,026 100.00 อายุ 18 ? 30 ปี 57 5.6 31 ? 40 ปี 185 18.0 41 ? 50 ปี 337 32.8 51 ? 60 ปี 253 24.7 61 ปีขึ้นไป 194 18.9 รวม 1,026 100.00 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 653 63.6 ปริญญาตรี 291 28.4 สูงกว่าปริญญาตรี 82 8.0 รวม 1,026 100.00 อาชีพ ลูกจ้างรัฐบาล 141 13.7 ลูกจ้างเอกชน 209 20.4 ค้าขาย/ ทำงานส่วนตัว/ เกษตรกร 424 41.3 เจ้าของกิจการ/ นายจ้าง 48 4.7 พ่อบ้าน/ แม่บ้าน/เกษียณอายุ 179 17.4 นักเรียน/นักศึกษา 8 0.8 ว่างงาน 17 1.7 รวม 1,026 100.00 กรุงเทพโพลล์ โทร. 02-407-3888 ต่อ 2897,2898 E-mail: bangkokpoll@bu.ac.th Website: http://bangkokpoll.bu.ac.th Twitter: http://twitter.com/bangkok_poll
ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์