กรุงเทพโพลล์: ความหวังของแรงงานไทย ในวันแรงงานแห่งชาติ

ข่าวผลสำรวจ Tuesday May 2, 2023 08:19 —กรุงเทพโพลล์

กรุงเทพโพลล์: ความหวังของแรงงานไทย ในวันแรงงานแห่งชาติ

แรงงานส่วนใหญ่ร้อยละ 72.3 มีชีวิตความเป็นอยู่ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19

โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 41.4 มีชีวิตความเป็นอยู่เหมือนเดิม ส่วนร้อยละ 30.9 มีชีวิตความเป็นอยู่แย่ลง

ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.9 ยังเจอผลกระทบต่อการทำงาน

โดยในจำนวนนี้ร้อยละ 44.5 รายได้ต่อวันลดลงจากเดิม รองลงมาร้อยละ 31.3 ต้องทำงานเยอะขึ้น

สิ่งที่อยากขอ ในวันแรงงานแห่งชาติปีนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 73.9 อยากให้ควบคุมราคาสินค้า ไม่ให้กระทบค่าครองชีพรองลงมา อยากให้เร่งขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ คิดเป็นร้อยละ 72.2

ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.6 อยากให้มีการพัฒนาทักษะในการปรับตัวและเปิดรับในการเรียนรู้สิ่งใหม่

เพื่อเพิ่มศักยภาพต่อการเข้าสู่ตลาดแรงงานสากล

ผลสำรวจเรื่อง ?ความหวังของแรงงานไทย ในวันแรงงานแห่งชาติ?

กรุงเทพโพลล์โดยมหาวิทยาลัยกรุงเทพสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ?ความหวังของแรงงานไทย ในวันแรงงานแห่งชาติ? โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างแรงงานพบว่า

เมื่อถามว่าชีวิตความเป็นอยู่ในวันนี้เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 พบว่ากลุ่มตัวอย่างแรงงานร้อยละ 41.4 มีชีวิตความเป็นอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนร้อยละ 30.9 มีชีวิตความเป็นอยู่แย่ลง ขณะที่ร้อยละ 27.7 มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

ทั้งนี้เมื่อถามว่ายังต้องเจอผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.9 ยังเจอผลกระทบ โดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 44.5 รายได้ต่อวันลดลงจากเดิม รองลงมาร้อยละ 31.3 ต้องทำงานเยอะขึ้น งานหนักขึ้น และร้อยละ 24.0 ไม่มี OT เงินโบนัส ขณะที่ร้อยละ 28.1 ไม่เจอกับผลกระทบ

เมื่อถามว่า ?ในปัจจุบันรายรับจากค่าจ้างแรงงานกับรายจ่ายเป็นอย่างไร? พบว่า แรงงานร้อยละ 45.7 มีรายรับพอดีกับค่าใช้จ่ายจึงไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม ขณะที่ร้อยละ 38.6 มีรายรับไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม ส่วนที่เหลือร้อยละ 15.7 มีรายรับเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม

สิ่งที่อยากขอให้กับแรงงาน ในวันแรงงานแห่งชาติปีนี้พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 73.9 อยากให้ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภค พื้นฐานไม่ให้ขึ้นราคา กระทบค่าครองชีพ รองลงมาคือ อยากให้เร่งขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคิดเป็นร้อยละ 72.2 และอยากให้มีสวัสดิการโบนัสแก่แรงงานในทุกๆ ปี คิดเป็นร้อยละ 52.7

สุดท้ายเมื่อถามว่าอยากให้มีการพัฒนาทักษะในด้านใด เพื่อเพิ่มศักยภาพต่อการเข้าสู่ตลาดแรงงานสากลพบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.6 อยากให้พัฒนาทักษะในการปรับตัวและเปิดรับในการเรียนรู้สิ่งใหม่ รองลงมาคือ ทักษะทางภาษา คิดเป็นร้อยละ 44.6 และทักษะในการสื่อสารทางการตลาด คิดเป็นร้อยละ 27.1

โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ชีวิตความเป็นอยู่ในวันนี้เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19

ดีขึ้น          ร้อยละ          27.7
เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง          ร้อยละ          41.4
แย่ลง          ร้อยละ          30.9

2. ผลกระทบต่อการทำงานที่ยังต้องเจอหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย

ยังเจอผลกระทบ  ได้แก่          ร้อยละ          71.9
    (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)   รายได้ต่อวันลดลงจากเดิม                         ร้อยละ 44.5
                               ต้องทำงานเยอะขึ้น งานหนักขึ้น                    ร้อยละ 31.3
                                ไม่มี OT เงินโบนัส                              ร้อยละ 24.0
                                หางานได้ยากขึ้น                                        ร้อยละ 21.5
                                ถูกลดสวัสดิการต่างๆ ที่เคยได้รับลง            ร้อยละ 19.1
                              ตกงาน ต้องหางานใหม่                              ร้อยละ 12.8
ไม่เจอผลกระทบ          ร้อยละ          28.1

?
3. ข้อคำถาม ?ในปัจจุบันรายรับจากค่าจ้างแรงงานกับรายจ่ายเป็นอย่างไร?


รายรับเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและมีเงินเก็บออม          ร้อยละ          15.7
รายรับพอดีกับค่าใช้จ่ายจึงไม่มีเงินเหลือเพื่อเก็บออม          ร้อยละ          45.7
รายรับไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องกู้ ต้องหยิบยืม          ร้อยละ          38.6



4. สิ่งที่อยากขอให้กับแรงงาน ในวันแรงงานแห่งชาติปีนี้
(เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

อยากให้ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภค พื้นฐานไม่ให้ขึ้นราคา กระทบค่าครองชีพ          ร้อยละ           73.9
อยากให้เร่งขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ          ร้อยละ          72.2
อยากให้มีสวัสดิการโบนัสแก่แรงงานในทุกๆ ปี          ร้อยละ          52.7
อยากให้ดูแลสวัสดิการความปลอดภัย ค่ารักษาพยาบาลแก่แรงงาน             ร้อยละ          44.2
อยากให้สร้างงาน สร้างอาชีพ ลดภาวการณ์ว่างงาน          ร้อยละ          42.1
อยากให้ดูแลสวัสดิการเกี่ยวกับผู้เกษียณอายุ ผู้สูงอายุ              ร้อยละ          33.1
อื่นๆ อาทิ  ดูแลความเป็นอยู่แรงงาน ดูแลแรงงานที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม          ร้อยละ          0.3

5. ข้อคำถาม ?อยากให้มีการพัฒนาทักษะในด้านใด เพื่อเพิ่มศักยภาพต่อการเข้าสู่ตลาดแรงงานสากล?
(เลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

ทักษะในการปรับตัวและเปิดรับในการเรียนรู้สิ่งใหม่                    ร้อยละ          63.6
ทักษะทางภาษา          ร้อยละ          44.6
ทักษะในการสื่อสารทางการตลาด                    ร้อยละ          27.1
ทักษะในการสร้างสรรค์และนวัตกรรม          ร้อยละ          24.1
ทักษะทางด้านเทคโนโลยี          ร้อยละ          21.9
ทักษะในการคิดและวิเคราะห์               ร้อยละ           16.0
อื่นๆ อาทิ ไม่มี ไม่ทราบ          ร้อยละ          0.8

กรุงเทพโพลล์  โทร. 02-407-3888 ต่อ 2897,2898
E-mail: bangkokpoll@bu.ac.th      Website: http://bangkokpoll.bu.ac.th
Twitter: http://twitter.com/bangkok_poll


รายละเอียดการสำรวจ

วัตถุประสงค์การสำรวจ
1)          เพื่อสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ในวันนี้เป็นอย่างไร เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
2)          เพื่อต้องการทราบถึงผลกระทบที่ยังต้องเจอหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย
3)          เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่อยากขอให้กับแรงงานในวันแรงงานแห่งชาติปีนี้
4)          เพื่อสะท้อนถึงทักษะที่อยากให้มีการพัฒนา เพื่อเพิ่มศักยภาพต่อการเข้าสู่ตลาดแรงงานสากล

ประชากรที่สนใจศึกษา
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างจากกลุ่มแรงงานในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป จำนวน 11 เขต จากทั้งหมด 50 เขต แบ่งเป็นเขตชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ได้แก่ จตุจักร ดอนเมือง ดุสิต บางเขน  บางกะปิ บางซื่อ ภาษีเจริญ มีนบุรี สายไหม หนองแขม หลักสี่  และปริมณฑล 2 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) จากนั้นใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัว ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 643 คน

ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
การประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  ? 4  ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%

วิธีการรวบรวมข้อมูล
ใช้การสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว (face to face interview) โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) จากนั้นได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล

ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล            :  18 ? 23 เมษายน 2566

วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ               :  29 เมษายน 2566



ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่าง

                              จำนวน          ร้อยละ
เพศ
            ชาย          332          51.6
            หญิง          311          48.4
รวม          643          100.0
อายุ
            18 ปี - 30 ปี          206          32.1
            31 ปี ? 40 ปี          126          19.6
            41 ปี ? 50 ปี          139          21.6
            51 ปี - 60 ปี          98          15.2
            61 ปี ขึ้นไป          74          11.5
รวม          643          100.0
การศึกษา
            ต่ำกว่าปริญญาตรี          600          93.3
            ปริญญาตรี          43          6.7
รวม          643          100.0
อาชีพ
โรงงานอุตสาหกรรม          52          8.1
กรรมกรก่อสร้าง          45          7.0
รปภ. / ภารโรง          107          16.6
แม่บ้าน / คนสวน          107          16.6
รับจ้างทั่วไป          215          33.5
ช่างซ่อมตามอู่ / ช่างไฟฟ้า / ช่างซ่อม          22          3.4
พนักงานบริการ / นวดแผนโบราณ          37          5.8
พนักงานขับรถ          2          0.3
พนักงานขาย          56          8.7
รวม          643          100.0



ที่มา: ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ