วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกี่ยวกับกรณีการขายหุ้นในเครือบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น (ชิน
คอร์ป) ของตระกูลชินวัตร ให้บริษัทเทมาเส็ก จากประเทศสิงคโปร์ในประเด็นต่อไปนี้
1. คิดว่าการขายหุ้นในเครือชินคอร์ปให้บริษัทเทมาเส็กเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่
2. ประเด็นที่ประชาชนสนใจมากที่สุดจากข่าวการขายหุ้นของชินคอร์ปคืออะไร
3. ประชาชนเชื่อถือคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าการขายหุ้นเป็นการตัดสินใจของลูกๆ ที่ต้องการให้พ่อได้ทำงานเพื่อประเทศ
ชาติอย่างเต็มที่หรือไม่
4. การขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่
5. การแก้กฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน 25% เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์
ในการขายหุ้นของบริษัทชินคอร์ปหรือไม่
6. เหมาะสมหรือไม่ที่จะให้ต่างชาติถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ 49%
7. ควรแก้กฎหมายเพื่อให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นหรือไม่
8. ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้เป็นอย่างไร
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสุ่มตัวอย่าง
การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุตั้งแต่ 22 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลาย
ขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยการสุ่มเขตการปกครอง จากนั้นสุ่มถนน และประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น
จำนวน 1,368 คน เป็นชายร้อยละ 45.8 และหญิงร้อยละ 54.2
กลุ่มตัวอย่างมีอายุ 22-35 ปีร้อยละ 60.2 อายุ 36-45 ปีร้อยละ 24.7 และอายุ 46 ปีขึ้นไปร้อยละ 15.1
กลุ่มตัวอย่างมีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีร้อยละ 41.1 ปริญญาตรีร้อยละ 50.6 และสูงกว่าปริญญาตรีร้อยละ 8.3
กลุ่มตัวอย่างประกอบอาชีพรับราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจร้อยละ 7.5 พนักงานลูกจ้างบริษัทเอกชนร้อยละ 48.7 ค้าขายและ
ธุรกิจส่วนตัวร้อยละ 22.7 รับจ้างทั่วไปร้อยละ 8.2 พ่อบ้าน แม่บ้าน และเกษียณอายุร้อยละ 5.1 และอื่นๆ ร้อยละ 7.8
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน ฑ 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามปลายเปิดสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 24 มกราคม 2549
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 25 มกราคม 2549
โดย ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1776
http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php
สรุปผลการสำรวจ
1. ความคิดเห็นต่อคำถามที่ว่าคิดว่าการขายหุ้นในเครือชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรให้กับบริษัทเทมาเส็กจาก ประเทศสิงคโปร์เป็นไป
อย่างโปร่งใสหรือไม่ ร้อยละ 51.4 เชื่อว่าไม่โปร่งใส ร้อยละ 34.1 ไม่แน่ใจ ขณะที่ร้อยละ 14.5 เชื่อว่าโปร่งใส
2. ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดจากการขายหุ้นชินคอร์ป อันดับแรกร้อยละ 33.6 สนใจประเด็นเรื่องการแก้กฎหมายเพื่อ
เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน25% รองลงมาร้อยละ 30.7 สนใจประเด็นที่ตระกูลชิน
วัตรไม่ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้น ร้อยละ 13.6 สนใจจำนวนเงินที่ตระกูลชินวัตรได้รับจากการขายหุ้น ร้อยละ 12.9 สนใจธุรกิจตัวใหม่ที่
ตระกูลชินวัตรจะนำเงินจากการขายหุ้นไปลงทุน ร้อยละ 2.2 สนใจประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ขณะที่ร้อยละ 7.0 ไม่ได้สนใจประเด็นใดเป็น
พิเศษ
3. ความเชื่อถือคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ว่าการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นการตัดสินใจของลูกๆ ที่ต้องการให้พ่อได้ทำ
งานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่โดยไม่ถูกกล่าวหาเรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น ร้อยละ 84.5 ไม่เชื่อถือในคำพูดดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 15.5 ที่
เชื่อถือ
4. เมื่อถามว่าการขายหุ้นชินคอร์ปจะทำให้ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่ ร้อย
ละ 81.4 เชื่อว่าไม่ได้ ขณะที่ร้อยละ 18.6 เชื่อว่าได้
5. สำหรับประเด็นเรื่องการแก้กฎหมายให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน 25% นั้น
ร้อยละ 62.9 เชื่อว่าการแก้กฎหมายดังกล่าวเป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับการขายหุ้นชินคอร์ป ขณะที่ร้อยละ 14.6 เชื่อว่าไม่ใช่ และร้อยละ
22.5 ไม่แน่ใจ
6. ร้อยละ 90.6 เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ถึง 49% มีเพียงร้อยละ 9.4
ที่เห็นว่าเหมาะสม
7. ส่วนการแก้กฎหมายให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นนั้น ร้อยละ 65.9 เห็นว่าควรให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้น ขณะ
ที่ร้อยละ 15.5 เห็นว่าไม่ควร และร้อยละ 18.6 ไม่แน่ใจ
8. ส่วนความรู้สึกของประชานที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น ร้อยละ 50.3 มีความรู้สึกในทางที่ไม่ดี อาทิ เป็นนัก
สร้างภาพ และทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 10.7 มีความรู้สึกในทางที่ดี อาทิ กล้าคิดกล้าตัดสินใจ และพูดจริงทำจริง
ร้อยละ 10.7 มีความรู้สึกทั้งในทางที่ดีและไม่ดีปนกัน เช่น ปากไวใจกล้า ส่วนอีกร้อยละ 28.3 ไม่แสดงความเห็น
ตารางแสดงการประมวลผลข้อมูล
ตารางที่ 1: ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 626 45.8
หญิง 742 54.2
อายุ :
22 — 35 ปี 824 60.2
36 — 45 ปี 338 24.7
46 ปีขึ้นไป 206 15.1
การศึกษา
ต่ำกว่าปริญญาตรี 562 41.1
ปริญญาตรี 692 50.6
สูงกว่าปริญญาตรี 114 8.3
อาชีพ
ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 102 7.5
พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 666 48.7
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 310 22.7
รับจ้างทั่วไป 112 8.2
พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ 70 5.1
อื่นๆ 108 7.8
ตารางที่ 2: การขายหุ้นในเครือชินคอร์ปให้บริษัทเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์เป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่
จำนวน ร้อยละ
โปร่งใส 198 14.5
ไม่โปร่งใส 704 51.4
ไม่แน่ใจ 466 34.1
ตารางที่ 3: ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดในการขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตร
จำนวน ร้อยละ
การแก้กฎหมายเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน 25% 460 33.6
การที่ตระกูลชินวัตรไม่ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้น 420 30.7
จำนวนเงินที่ตระกูลชินวัตรได้รับจากการขายหุ้น 186 13.6
ธุรกิจตัวใหม่ที่ตระกูลชินวัตรจะนำเงินจากการขายหุ้นไปลงทุน 176 12.9
อื่นๆ 30 2.2
ไม่ได้สนใจประเด็นใดเป็นพิเศษ 96 7.0
ตารางที่ 4: ความเชื่อถือคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นการตัดสินใจของลูกๆ
ที่ต้องการให้พ่อได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่
จำนวน ร้อยละ
เชื่อ 212 15.5
ไม่เชื่อ 1,156 84.5
ตารางที่ 5: การขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่
จำนวน ร้อยละ
ได้ 254 18.6
ไม่ได้ 1,114 81.4
ตารางที่ 6: การแก้กฎหมายให้ต่างชาติสามารถเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิม ไม่เกิน 25%
เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับการขายหุ้นชินคอร์ปใช่หรือไม่
จำนวน ร้อยละ
ใช่ 860 62.9
ไม่ใช่ 200 14.6
ไม่แน่ใจ 308 22.5
ตารางที่ 7: เป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่จะให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ 49%
จำนวน ร้อยละ
เหมาะสม 126 9.4
ไม่เหมาะสม 1,242 90.6
ตารางที่ 8: ควรแก้กฎหมายเพื่อให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นหรือไม่
จำนวน ร้อยละ
ควร 902 65.9
ไม่ควร 212 15.5
ไม่แน่ใจ 254 18.6
ตารางที่ 9: ความรู้สึกที่ประชาชนมีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
(เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบแบบสอบถามระบุเอง)
จำนวน ร้อยละ
เป็นความรู้สึกในทางที่ดี เช่น 146 10.7
- พูดจริงทำจริง
- กล้าคิดกล้าตัดสินใจ
เป็นความรู้สึกในทางที่ไม่ดี เช่น 688 50.3
- เป็นนักสร้างภาพ
- ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์
เป็นความรู้สึกทั้งในทางที่ดีและไม่ดีปนกัน เช่น 146 10.7
- ปากไวใจกล้า
ไม่แสดงความเห็น 388 28.3
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนชาวกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกี่ยวกับกรณีการขายหุ้นในเครือบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น (ชิน
คอร์ป) ของตระกูลชินวัตร ให้บริษัทเทมาเส็ก จากประเทศสิงคโปร์ในประเด็นต่อไปนี้
1. คิดว่าการขายหุ้นในเครือชินคอร์ปให้บริษัทเทมาเส็กเป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่
2. ประเด็นที่ประชาชนสนใจมากที่สุดจากข่าวการขายหุ้นของชินคอร์ปคืออะไร
3. ประชาชนเชื่อถือคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าการขายหุ้นเป็นการตัดสินใจของลูกๆ ที่ต้องการให้พ่อได้ทำงานเพื่อประเทศ
ชาติอย่างเต็มที่หรือไม่
4. การขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่
5. การแก้กฎหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน 25% เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์
ในการขายหุ้นของบริษัทชินคอร์ปหรือไม่
6. เหมาะสมหรือไม่ที่จะให้ต่างชาติถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ 49%
7. ควรแก้กฎหมายเพื่อให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นหรือไม่
8. ความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนี้เป็นอย่างไร
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสุ่มตัวอย่าง
การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุตั้งแต่ 22 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลาย
ขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยการสุ่มเขตการปกครอง จากนั้นสุ่มถนน และประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น
จำนวน 1,368 คน เป็นชายร้อยละ 45.8 และหญิงร้อยละ 54.2
กลุ่มตัวอย่างมีอายุ 22-35 ปีร้อยละ 60.2 อายุ 36-45 ปีร้อยละ 24.7 และอายุ 46 ปีขึ้นไปร้อยละ 15.1
กลุ่มตัวอย่างมีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรีร้อยละ 41.1 ปริญญาตรีร้อยละ 50.6 และสูงกว่าปริญญาตรีร้อยละ 8.3
กลุ่มตัวอย่างประกอบอาชีพรับราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจร้อยละ 7.5 พนักงานลูกจ้างบริษัทเอกชนร้อยละ 48.7 ค้าขายและ
ธุรกิจส่วนตัวร้อยละ 22.7 รับจ้างทั่วไปร้อยละ 8.2 พ่อบ้าน แม่บ้าน และเกษียณอายุร้อยละ 5.1 และอื่นๆ ร้อยละ 7.8
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน ฑ 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามปลายเปิดสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 24 มกราคม 2549
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 25 มกราคม 2549
โดย ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1776
http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php
สรุปผลการสำรวจ
1. ความคิดเห็นต่อคำถามที่ว่าคิดว่าการขายหุ้นในเครือชินคอร์ปของตระกูลชินวัตรให้กับบริษัทเทมาเส็กจาก ประเทศสิงคโปร์เป็นไป
อย่างโปร่งใสหรือไม่ ร้อยละ 51.4 เชื่อว่าไม่โปร่งใส ร้อยละ 34.1 ไม่แน่ใจ ขณะที่ร้อยละ 14.5 เชื่อว่าโปร่งใส
2. ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดจากการขายหุ้นชินคอร์ป อันดับแรกร้อยละ 33.6 สนใจประเด็นเรื่องการแก้กฎหมายเพื่อ
เปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน25% รองลงมาร้อยละ 30.7 สนใจประเด็นที่ตระกูลชิน
วัตรไม่ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้น ร้อยละ 13.6 สนใจจำนวนเงินที่ตระกูลชินวัตรได้รับจากการขายหุ้น ร้อยละ 12.9 สนใจธุรกิจตัวใหม่ที่
ตระกูลชินวัตรจะนำเงินจากการขายหุ้นไปลงทุน ร้อยละ 2.2 สนใจประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ ขณะที่ร้อยละ 7.0 ไม่ได้สนใจประเด็นใดเป็น
พิเศษ
3. ความเชื่อถือคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ว่าการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นการตัดสินใจของลูกๆ ที่ต้องการให้พ่อได้ทำ
งานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่โดยไม่ถูกกล่าวหาเรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น ร้อยละ 84.5 ไม่เชื่อถือในคำพูดดังกล่าว มีเพียงร้อยละ 15.5 ที่
เชื่อถือ
4. เมื่อถามว่าการขายหุ้นชินคอร์ปจะทำให้ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่ ร้อย
ละ 81.4 เชื่อว่าไม่ได้ ขณะที่ร้อยละ 18.6 เชื่อว่าได้
5. สำหรับประเด็นเรื่องการแก้กฎหมายให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน 25% นั้น
ร้อยละ 62.9 เชื่อว่าการแก้กฎหมายดังกล่าวเป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับการขายหุ้นชินคอร์ป ขณะที่ร้อยละ 14.6 เชื่อว่าไม่ใช่ และร้อยละ
22.5 ไม่แน่ใจ
6. ร้อยละ 90.6 เห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่จะให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ถึง 49% มีเพียงร้อยละ 9.4
ที่เห็นว่าเหมาะสม
7. ส่วนการแก้กฎหมายให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นนั้น ร้อยละ 65.9 เห็นว่าควรให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้น ขณะ
ที่ร้อยละ 15.5 เห็นว่าไม่ควร และร้อยละ 18.6 ไม่แน่ใจ
8. ส่วนความรู้สึกของประชานที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น ร้อยละ 50.3 มีความรู้สึกในทางที่ไม่ดี อาทิ เป็นนัก
สร้างภาพ และทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 10.7 มีความรู้สึกในทางที่ดี อาทิ กล้าคิดกล้าตัดสินใจ และพูดจริงทำจริง
ร้อยละ 10.7 มีความรู้สึกทั้งในทางที่ดีและไม่ดีปนกัน เช่น ปากไวใจกล้า ส่วนอีกร้อยละ 28.3 ไม่แสดงความเห็น
ตารางแสดงการประมวลผลข้อมูล
ตารางที่ 1: ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 626 45.8
หญิง 742 54.2
อายุ :
22 — 35 ปี 824 60.2
36 — 45 ปี 338 24.7
46 ปีขึ้นไป 206 15.1
การศึกษา
ต่ำกว่าปริญญาตรี 562 41.1
ปริญญาตรี 692 50.6
สูงกว่าปริญญาตรี 114 8.3
อาชีพ
ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 102 7.5
พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 666 48.7
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 310 22.7
รับจ้างทั่วไป 112 8.2
พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ 70 5.1
อื่นๆ 108 7.8
ตารางที่ 2: การขายหุ้นในเครือชินคอร์ปให้บริษัทเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์เป็นไปอย่างโปร่งใสหรือไม่
จำนวน ร้อยละ
โปร่งใส 198 14.5
ไม่โปร่งใส 704 51.4
ไม่แน่ใจ 466 34.1
ตารางที่ 3: ประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดในการขายหุ้นชินคอร์ปของตระกูลชินวัตร
จำนวน ร้อยละ
การแก้กฎหมายเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิมไม่เกิน 25% 460 33.6
การที่ตระกูลชินวัตรไม่ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้น 420 30.7
จำนวนเงินที่ตระกูลชินวัตรได้รับจากการขายหุ้น 186 13.6
ธุรกิจตัวใหม่ที่ตระกูลชินวัตรจะนำเงินจากการขายหุ้นไปลงทุน 176 12.9
อื่นๆ 30 2.2
ไม่ได้สนใจประเด็นใดเป็นพิเศษ 96 7.0
ตารางที่ 4: ความเชื่อถือคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่าการขายหุ้นชินคอร์ปเป็นการตัดสินใจของลูกๆ
ที่ต้องการให้พ่อได้ทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่
จำนวน ร้อยละ
เชื่อ 212 15.5
ไม่เชื่อ 1,156 84.5
ตารางที่ 5: การขายหุ้นดังกล่าวจะทำให้ภาพลักษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นจากเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่
จำนวน ร้อยละ
ได้ 254 18.6
ไม่ได้ 1,114 81.4
ตารางที่ 6: การแก้กฎหมายให้ต่างชาติสามารถเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ไม่เกิน 49% จากเดิม ไม่เกิน 25%
เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับการขายหุ้นชินคอร์ปใช่หรือไม่
จำนวน ร้อยละ
ใช่ 860 62.9
ไม่ใช่ 200 14.6
ไม่แน่ใจ 308 22.5
ตารางที่ 7: เป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่จะให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมได้ 49%
จำนวน ร้อยละ
เหมาะสม 126 9.4
ไม่เหมาะสม 1,242 90.6
ตารางที่ 8: ควรแก้กฎหมายเพื่อให้มีการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นหรือไม่
จำนวน ร้อยละ
ควร 902 65.9
ไม่ควร 212 15.5
ไม่แน่ใจ 254 18.6
ตารางที่ 9: ความรู้สึกที่ประชาชนมีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
(เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบแบบสอบถามระบุเอง)
จำนวน ร้อยละ
เป็นความรู้สึกในทางที่ดี เช่น 146 10.7
- พูดจริงทำจริง
- กล้าคิดกล้าตัดสินใจ
เป็นความรู้สึกในทางที่ไม่ดี เช่น 688 50.3
- เป็นนักสร้างภาพ
- ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์
เป็นความรู้สึกทั้งในทางที่ดีและไม่ดีปนกัน เช่น 146 10.7
- ปากไวใจกล้า
ไม่แสดงความเห็น 388 28.3
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-