ผลสำรวจเรื่อง "ภาวะการเงินของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม"
ช่วงใกล้เปิดเทอม นับเป็นช่วงเวลาที่แทบทุกครอบครัวต่างมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต้องเร่งหาเงินเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในเรื่องการศึกษาของบุตร ไม่ว่าจะเป็น ค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าชุดนักเรียน ตลอดจนค่าอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ประกอบกับในปีนี้เกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้หลายๆ ครอบครัวประสบปัญหาทางการเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง "ภาวะการเงินของผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอม” โดยเก็บข้อมูลจากผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล — มัธยมศึกษา ในเขตกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 1,073 คน เป็นเพศชายร้อยละ 47.5 และเพศหญิงร้อยละ 52.5 เมื่อวันที่ 28 -29 เมษายน ที่ผ่านมา สรุปผลได้ดังนี้
1. ค่าใช้จ่ายในเรื่องการเรียนของบุตรในเทอมนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พบว่า
- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 44.2 - มีค่าใช้จ่ายลดลง ร้อยละ 31.6 - มีค่าใช้จ่ายเท่าเดิม ร้อยละ 24.2
2. การประสบปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม
- ประสบปัญหา ร้อยละ 53.5
(โดยในจำนวนนี้ระบุว่าเพิ่งจะประสบปัญหาในเทอมนี้ร้อยละ 21.7 และเคยประสบปัญหามาก่อนหน้านี้ร้อยละ 31.8 )
- ไม่ประสบปัญหา ร้อยละ 46.5
3. สาเหตุหลักของปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม คือ (เฉพาะผู้ที่ตอบว่าประสบปัญหา โดยตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
- รายได้ลดลง ร้อยละ 32.0 - อุปกรณ์การเรียนมีราคาแพงขึ้น ร้อยละ 19.8 - ค่าเทอมแพงขึ้น ร้อยละ 11.6 - มีจำนวนบุตรที่ต้องเข้าศึกษาเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.1 - ตกงาน ร้อยละ 4.4
- อื่นๆ อาทิ เศรษฐกิจไม่ดี มีรายได้เพียงคนเดียว ฯลฯ ร้อยละ 5.1
4.วิธีการที่ผู้ปกครองใช้ในการแก้ปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย คือ (เฉพาะผู้ที่ตอบว่าประสบปัญหา โดยตอบได้มากกว่า1ข้อ)
- ขอยืมเงินจากญาติ / เพื่อน / คนรู้จัก ร้อยละ 18.2 - นำเงินที่เก็บสะสมไว้ออกมาใช้ ร้อยละ 16.1 - กู้เงินนอกระบบ ร้อยละ 12.3 - ใช้เสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียนของปีที่แล้ว ร้อยละ 11.6 - หารายได้เสริมนอกจากอาชีพหลัก ร้อยละ 11.5 - จำนำทรัพย์สิน ร้อยละ 10.6 - นำของมีค่าออกมาขาย ร้อยละ 5.4 - กู้เงินจากธนาคาร ร้อยละ 3.1
- ย้ายบุตรมาเรียนโรงเรียนรัฐบาล หรือ
โรงเรียนที่มีค่าเล่าเรียนถูกกว่า ร้อยละ 2.5 - ให้บุตรทำงานหารายได้พิเศษ ร้อยละ 2.4
- อื่นๆ อาทิ ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านอื่น
ให้บุตรลาออกจากโรงเรียน และ
ขอชำระค่าเทอมเป็นงวดๆ เป็นต้น ร้อยละ 2.6
5.สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเรียนของบุตร คือ
- ให้ทุกคนเรียนฟรีจนจบมัธยมปลาย ร้อยละ 49.3
- จัดตั้งกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียนมัธยม ร้อยละ 15.9
- เพิ่มทุนการศึกษาให้มากขึ้น ร้อยละ 15.4 - ช่วยเหลือเรื่องค่าอุปกรณ์การเรียน ร้อยละ 15.2
- อื่นๆ อาทิ ควบคุมค่าใช้จ่ายของโรงเรียนเอกชน
ยกเลิกค่าแป๊ะเจี๊ยะ ให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี เป็นต้น ร้อยละ 4.2
6.ความคิดเห็นต่อความคุ้มค่าระหว่างความรู้และประโยชน์จากการเรียนที่บุตรได้รับกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป
- คิดว่าคุ้มค่า ร้อยละ 62.5 - คิดว่าไม่คุ้มค่า ร้อยละ 8.9 - ไม่แน่ใจ ร้อยละ 28.6
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนในระดับชั้นอนุบาล - มัธยมศึกษาในประเด็นต่อไปนี้
1. เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าเล่าเรียนของบุตรในเทอมนี้กับที่ผ่านมา
2. การประสบปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม
3. สาเหตุของปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม
4. วิธีการแก้ปัญหา
5. สิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเรียนของบุตร
6. เปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างความรู้และประโยชน์จากการเรียนที่บุตรได้รับกับค่าใช้จ่ายที่เสียไป
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนในระดับชั้นอนุบาล — มัธยมศึกษา ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยสุ่มเขตการปกครองทั้งเขตชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน จำนวน 30 เขต ได้แก่ เขตคลองเตย คลองสาน ดอนเมือง ดินแดง ดุสิต ตลิ่งชัน ทุ่งครุ บางกอกน้อย บางกะปิ บางเขน บางคอแหลม บางคอแหลม บางซื่อ บางพลัด บางรัก ปทุมวัน ประเวศ ป้อมปราบ-ศัตรูพ่าย พญาไท พระโขนง พระนคร ภาษีเจริญ มีนบุรี ราชเทวี ราษฎร์บูรณะ ลาดพร้าว สวนหลวง สาทร หนอง-จอก และหลักสี่ จากนั้นจึงสุ่มถนน และประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์อย่างเป็นระบบ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,073 คน เป็นเพศชายร้อยละ 47.5 และเพศหญิงร้อยละ 52.5
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน 4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิด (Open Form) จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล: 28 - 29 เมษายน 2552
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 6 พฤษภาคม 2552
จำนวน ร้อยละ -เพศ ชาย 510 47.5 หญิง 563 52.5 รวม 1,073 100.0 -อายุ ต่ำกว่า 25 ปี 102 9.5 26 ปี — 35 ปี 303 28.2 36 ปี — 45 ปี 464 43.2 46 ปีขึ้นไป 204 19.1 รวม 1,073 100.0 -การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 724 67.5 ปริญญาตรี 301 28.1 สูงกว่าปริญญาตรี 48 4.4 รวม 1,073 100.0 -อาชีพ ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ 110 10.3 พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 211 19.7 ค้าขาย/ประกอบอาชีพส่วนตัว 394 36.7 รับจ้างทั่วไป 221 20.6 พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ 110 10.3 อื่นๆ เช่น อาชีพอิสระ ว่างงาน 27 2.4 รวม 1,073 100.00 -ประเภทของโรงเรียนที่บุตรศึกษาอยู่ โรงเรียนรัฐบาล 666 62.1 โรงเรียนเอกชน 378 35.2 โรงเรียนรัฐบาลและเอกชน 29 2.7 รวม 1,073 100.00
--ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)--