ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ระบุ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ช่วงก่อนและหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่ให้รุนแรงบานปลายได้ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารแม้เหตุการณ์ความขัดแย้งจะรุนแรงบานปลายถึงขั้นนองเลือด โดยสิ่งที่ต้องการเห็นมากที่สุดหลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ คือการที่คนไทยเลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติบทบาทแทรกแซงการเมือง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
เชื่อมั่น ร้อยละ 43.8
(โดยเชื่อมั่นมากร้อยละ 11.3 และค่อนข้างเชื่อมั่นร้อยละ 32.5)
ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 56.2
(โดยไม่เชื่อมั่นเลยร้อยละ 17.5 และไม่ค่อยเชื่อมั่นร้อยละ 38.7)
เห็นด้วย ร้อยละ 15.1 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 64.4 ไม่แน่ใจ/ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 20.5 3. สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด (5 อันดับแรก) หากมีเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงตัดสินคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านของ พ.ต.ท. ทักษิณ อันดับ 1 ห่วงความแตกแยกของคนไทยด้วยกัน ร้อยละ 34.1 อันดับ 2 ห่วงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว ร้อยละ 23.5 อันดับ 3 ห่วงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ร้อยละ 20.7 อันดับ 4 ห่วงภาพลักษณ์ของประเทศไทย ร้อยละ 10.9 อันดับ 5 ห่วงการเผชิญหน้าและการใช้อำนาจเกินขอบเขตของเจ้าหน้าที่ ร้อยละ 8.8 4. สิ่งที่ต้องการเห็นมากที่สุด หลังการตัดสินคดียึดทรัพย์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ คือ คนไทยเลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติบทบาทแทรกแซงทางการเมือง ร้อยละ 43.4 ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 30.7 พ.ต.ท. ทักษิณ ยอมรับในคำตัดสินของศาลและกลุ่มเสื้อแดงสลายการชุมนุม ร้อยละ 25.9
รายละเอียดในการสำรวจ ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในทุกสาขาอาชีพ ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 25 เขต จาก 50 เขต ทั้งเขตชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก ได้แก่ คลองเตย จตุจักร ดอนเมือง ดินแดง ดุสิต ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา ทุ่งครุ บางกอกน้อย บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางพลัด บางรัก ปทุมวัน ประเวศ พญาไท พระโขนง พระนคร ราชเทวี ลาดกระบัง สวนหลวง สะพานสูง สายไหม และหลักสี่ และจังหวัดในเขตปริมณฑลรวม 3 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) จากนั้นใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบพบตัว ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,250 คน เป็นชายร้อยละ 48.3 และหญิงร้อยละ 51.7
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน +/- 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และข้อคำถามปลายเปิด จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 17 — 19 กุมภาพันธ์ 2553 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 20 กุมภาพันธ์ 2553
ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 604 48.3 หญิง 646 51.7 รวม 1,250 100.0 อายุ 18 ปี — 25 ปี 313 25.0 26 ปี — 35 ปี 325 26.0 36 ปี — 45 ปี 292 23.4 46 ปีขึ้นไป 320 25.6 รวม 1,250 100.0 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 691 55.3 ปริญญาตรี 509 40.7 สูงกว่าปริญญาตรี 50 4.0 รวม 1,250 100.0 อาชีพ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ 96 7.7 พนักงาน / ลูกจ้างบริษัทเอกชน 410 32.8 ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว 359 28.7 รับจ้างทั่วไป 170 13.6 พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ 80 6.4 อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ ว่างงาน นักศึกษา 135 10.8 รวม 1,250 100.0
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--