ประชาชนประเมินการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันสูงกว่าสื่อมวลชนไทยในภาพรวม โดยให้คะแนนด้านการสืบเสาะข้อมูลเชิงลึก
มานำเสนอต่อสาธารณชนสูงที่สุด ขณะที่ความระมัดระวังในการนำเสนอภาพและข่าวที่จะทำให้ผู้ตกเป็นข่าวเสียหายมีคะแนนต่ำสุด ส่วนใหญ่ยังไว้วางใจ
ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ควบคุมดูแลเรื่องจรรยาบรรณของสื่อด้วยกันเอง พร้อมทั้งเชื่อว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้น การนำเสนอข่าวจะเที่ยงตรง
ตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
ในโอกาสที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ครบรอบการก่อตั้ง ๙ ปี นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง กรรมการและประธานอนุกรรมการฝ่าย
วิชาการ เปิดเผยว่า สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ได้จัดทำโครงการสำรวจความคิดเห็น เรื่อง ‘ประชาชนคิดอย่างไรกับสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน’ โดยมี
สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพให้การสนับสนุน และมีผู้ช่วยศาสตราจารย์สุนิสา ประวิชัย หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ เป็นผู้รับผิดชอบ
โครงการ “สภาการหนังสือพิมพ์ให้อิสระแก่ผู้วิจัยเต็มที่ เพื่อให้ผลการสำรวจสะท้อนภาพการทำงานของสื่อหนังสือพิมพ์ที่ผ่านมาอย่างแท้จริง”
การสำรวจดังกล่าว เก็บข้อมูลจากประชาชน อายุ ๑๘ ปี ขึ้นไป ใน ๒๕ จังหวัด จากทุกภาคของประเทศ จำนวน ๒,๗๐๘ คน ระหว่าง
๑ — ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๙ ซึ่ง ผศ. สุนิสา ประวิชัย หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลการสำรวจว่า ว่า
คุณภาพของข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันมีคะแนนเฉลี่ย ๒.๗๒ จากคะแนนเต็ม ๕.๐๐ โดยประชาชนเห็นว่าข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อ
หนังสือพิมพ์มีคุณค่าด้านความน่าสนใจสูงที่สุด (๓.๐๓) รองลงมาคือประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ (๒.๘๔) ความต่อเนื่องในการนำเสนอความคืบหน้าของเรื่อง
ราว (๒.๘๐) ความครบถ้วนสมบูรณ์ของเนื้อหา (๒.๖๗) และความถูกต้องเที่ยงตรง (๒.๔๙) ขณะที่ความเป็นกลางไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดมี
คะแนนต่ำสุด (๒.๔๗)
ส่วนการประเมินการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ ๒.๖๑ ซึ่งนับว่าไม่สูงนัก แต่ก็ยังสูงกว่าการทำหน้าที่ของสื่อมวล
ชนโดยรวมซึ่งมีคะแนนอยู่ที่ ๒.๕๓ โดยการทำหน้าที่ด้านสืบเสาะข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอต่อสาธารณชนมีคะแนนสูงสุด (๒.๗๘) รองลงมาคือการชี้นำ
สังคมไปในทางที่ถูกที่ควร (๒.๖๗) การยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมในสังคม (๒.๖๖) ส่วนการระมัดระวังในการนำเสนอภาพและข่าวที่จะทำ
ให้ผู้ตกเป็นข่าวเสียหายมีคะแนนต่ำสุด (๒.๓๔) “เสียงสะท้อนดังกล่าว เป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สื่อหนังสือพิมพ์ทำ
หน้าที่ในฐานะผู้กลั่นกรองข่าวสารก่อนนำออกเผยแพร่สู่สาธารณชนวงกว้างอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความคาดหวังของประชาชนมากที่สุด”
ผศ. สุนิสา ประวิชัย กล่าว
สำหรับความคิดเห็นต่อเสรีภาพของสื่อมวลชนไทยในยุครัฐบาลพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นั้น หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ เปิดเผยว่า
ประชาชนร้อยละ ๓๖.๑ เห็นว่าสื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพน้อยเกินไป ขณะที่ร้อยละ ๓๐.๓ เห็นว่ามีเสรีภาพในระดับที่เหมาะสมแล้ว ร้อย
ละ ๒๒.๗ เห็นว่ามีเสรีภาพมากเกินไป และร้อยละ ๑๐.๙ ระบุว่าไม่แน่ใจ
ทั้งนี้ร้อยละ ๖๗.๓ เชื่อว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นจะทำให้การนำเสนอข่าวสารเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น เนื่อง
จากสื่อจะกล้านำเสนอความจริงอย่างครบถ้วนทุกด้านโดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลและการข่มขู่ฟ้องร้องเรียกเงินเป็นจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา ขณะที่
ร้อยละ ๓๒.๗ ไม่เชื่อว่าการที่สื่อมวลชนมีเสรีภาพมากขึ้นจะทำให้การนำเสนอข่าวสารเที่ยงตรงมากขึ้นตามไปด้วย โดยเห็นว่าความเที่ยงตรงของข่าว
สารขึ้นอยู่กับคุณภาพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมากกว่าเสรีภาพที่มี
สำหรับประเด็นเรื่องการควบคุมดูแลจรรยาบรรณของสื่อมวลชนนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงต้องการให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ควบคุมดูแลกัน
เองถึงร้อยละ ๗๐.๔ และต้องการให้รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมดูแลจรรยาบรรณของสื่อมวลชนเพียงร้อยละ ๒๙.๖
ส่วนประเด็นเรื่องการรู้จักและรับรู้ถึงบทบาทการดำเนินงานของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาตินั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักสภาการ
หนังสือพิมพ์แห่งชาติ โดยไม่รู้จักเลยร้อยละ ๕๙.๖ เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าทำหน้าที่อะไรร้อยละ ๓๗.๕ อีกร้อยละ ๒.๙ ระบุว่ารู้จัก แต่ในจำนวนนี้ มี
เพียงร้อยละ ๑.๒ ที่สามารถระบุบทบาทหน้าที่ของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ได้อย่างถูกต้อง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผศ. สุนิสา ประวิชัย หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ ๐-๑๔๕๘-๖๗๔๑ รายละเอียดการสำรวจเรื่องประชาชนคิดอย่างไรกับสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
ที่มาและวัตถุประสงค์ในการสำรวจ
หนังสือพิมพ์นับเป็นสื่อมวลชนที่มีบทบาทสำคัญในการรายงานเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมให้สาธารณชนได้รับทราบ ทั้ง
ยังเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อความคิดและความเชื่อของประชาชนโดยทั่วไปอยู่ไม่น้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้มีอำนาจแทบทุกยุคทุกสมัยต่างพยายามที่จะเข้ามามี
บทบาทควบคุมสื่อหนังสือพิมพ์ด้วยกันทั้งสิ้น การที่สื่อหนังสือพิมพ์จะยืนหยัดต้านกระแสดังกล่าวได้อย่างตลอดรอดฝั่งจำเป็นจะต้องอาศัยปัจจัยหลัก 2
ประการคือ การยึดมั่นในอุดมการณ์และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอย่างแน่วแน่ของผู้ประกอบวิชาชีพนักหนังสือพิมพ์ และความเชื่อถือศรัทธาที่ประชาชนมีต่อ
สื่อดังกล่าว
ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงร่วมมือกับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติจัดทำโครงการสำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนต่อการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันขึ้นเพื่อสะท้อนข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนในฐานะผู้รับข่าวสารให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบอันจะ
เป็นแนวทางในการพัฒนาการทำงานของสื่อหนังสือพิมพ์ต่อไป
ประเด็นในการสำรวจ
1. ความถี่และลักษณะการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์
2. ความเชื่อถือในข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากสื่อหนังสือพิมพ์
3. การประเมินคุณภาพของข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
4. การประเมินการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
5. ความคิดเห็นต่อแนวคิดเรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชนกับความเที่ยงตรงในการนำเสนอข่าวสาร
6. กลไกที่เหมาะสมในการควบคุมดูแลเรื่องจรรยาบรรณของสื่อมวลชน
7. การรู้จักและรับรู้ในบทบาทการดำเนินงานของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 25 จังหวัดจากทุกภาคของประเทศตามสัดส่วนจำนวนประชากรในแต่ละภาค
ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ปทุมธานี นครนายก ลพบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี นครสวรรค์ เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน
สุโขทัย อุทัยธานี ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา อุดรธานี กาฬสินธุ์ สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง ยะลา และ
นราธิวาส จำนวน 2,708 คน เป็นเพศชายร้อยละ 44.9 เพศหญิงร้อยละ 55.1
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน ฑ 5% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 1-15 มิถุนายน 2549
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 28 มิถุนายน 2549
โดย ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1776
http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php
ตารางที่ 1: ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 1,215 44.9
หญิง 1,493 55.1
อายุ
18-25 ปี 1,169 43.2
26-35 ปี 736 27.2
36-45 ปี 450 16.6
46 ปีขึ้นไป 353 13.0
การศึกษา
ประถมศึกษา 195 7.2
มัธยมศึกษา/ปวช. 940 34.7
อนุปริญญา/ปวส. 420 15.5
ปริญญาตรี 1,015 37.5
สูงกว่าปริญญาตรี 136 5.0
อาชีพ
ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 533 19.7
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 468 17.3
รับจ้างทั่วไป 231 8.5
พนักงานลูกจ้างบริษัทเอกชน 516 19.1
นิสิต นักศึกษา 709 26.2
พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ 99 3.6
เกษตรกร ประมง 61 2.3
อื่นๆ 91 3.4
ที่อยู่อาศัย
กรุงเทพมหานคร 325 12.0
ต่างจังหวัดในเขตอำเภอเมือง 1,755 64.8
ต่างจังหวัดนอกเขตอำเภอเมือง 628 23.2
รวม 2,708 100.0
ตารางที่ 2: ความบ่อยครั้งในการอ่านหนังสือพิมพ์ใน 1 สัปดาห์
จำนวน ร้อยละ
อ่านทุกวัน 804 29.7
อ่าน 5-6 วัน 311 11.5
อ่าน 3-4 วัน 699 24.7
อ่าน 1-2 วัน 715 26.4
ไม่ได้อ่านเลย (จบแบบสอบถาม) 209 7.7
ตารางที่ 3: ลักษณะการรับข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์
จำนวน ร้อยละ
รับจากหนังสือพิมพ์ฉบับเดียว 941 37.7
เนื่องจาก - เชื่อถือในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆ.................................ร้อยละ 55.1
- ไม่มีฉบับอื่นให้เลือก........................................ร้อยละ 36.8
- ไม่ระบุเหตุผล............................................ร้อยละ 8.1
รับจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เนื่องจาก 1,558 62.3
- ต้องการได้รับข่าวสารที่หลากหลายครบถ้วน.......................ร้อยละ 72.2
- ต้องการตรวจสอบความถูกต้องกับฉบับอื่นๆ........................ร้อยละ 23.4
- ไม่ระบุเหตุผล............................................ร้อยละ 4.4
ตารางที่ 4: การประเมินคุณภาพของข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
คะแนนที่ได้(จากคะแนนเต็ม 5.00)
ความน่าสนใจ 3.03
ประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ 2.84
ความต่อเนื่องในการนำเสนอความคืบหน้าของเรื่องราว 2.80
ความครบถ้วนสมบูรณ์ของเนื้อหา 2.67
ความถูกต้องเที่ยงตรง 2.49
ความเป็นกลางไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใด 2.47
เฉลี่ยรวม 2.72
ตารางที่ 5: การประเมินการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
คะแนนที่ได้(จากคะแนนเต็ม 5.00)
การสืบเสาะข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอต่อสาธารณชน 2.78
การชี้นำสังคมไปในทางที่ถูกที่ควร 2.67
การยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมในสังคม 2.66
การระมัดระวังในการนำเสนอภาพและข่าวที่จะทำให้ผู้ตกเป็นข่าวเสียหาย 2.34
ตารางที่ 6:การประเมินการทำหน้าที่โดยรวมของสื่อหนังสือพิมพ์เปรียบเทียบกับสื่อมวลชนไทยในปัจจุบัน
คะแนนที่ได้(จากคะแนนเต็ม 5.00)
การทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ 2.61
การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนไทยในภาพรวม 2.53
ตารางที่ 7: ความคิดเห็นต่อเสรีภาพของสื่อมวลชนไทยในยุครัฐบาลทักษิณ
จำนวน ร้อยละ
สื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพน้อยเกินไป 902 36.1
สื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพในระดับที่เหมาะสมแล้ว 758 30.3
สื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพมากเกินไป 567 22.7
ไม่แน่ใจ 272 10.9
ตารางที่ 8: ความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าถ้าสื่อมวลชนมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสารจะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น
จำนวน ร้อยละ
เห็นด้วย 1,683 67.3
เพราะ
- สื่อจะกล้านำเสนอความจริงอย่างครบถ้วนทุกด้านโดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลและ
การข่มขู่ฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนมาก.............................ร้อยละ 70.6
- ไม่ระบุเหตุผล..............................................ร้อยละ 29.4
ไม่เห็นด้วย 816 32.7
เพราะ
- ความเที่ยงตรงของข่าวสารขึ้นอยู่กับคุณภาพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชน
มากกว่าเสรีภาพที่ได้รับ.......................................ร้อยละ 29.8
- สื่อมวลชนไทยอยู่ภายใต้ระบบทุนนิยม ยิ่งมีเสรีภาพมากก็ยิ่งเสนอข่าวบิดเบือน
เพื่อให้ขายได้..............................................ร้อยละ 28.0
- สื่อมวลชนคงไม่กล้านำเสนอความจริง ที่จะทำให้ตนเองเดือดร้อน
และเสี่ยงอันตราย...........................................ร้อยละ 24.3
- ไม่ระบุเหตุผล..............................................ร้อยละ 17.9
ตารางที่ 8.1: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสาร
จะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้นของกลุ่มตัวอย่างที่มีการศึกษาต่างกัน
เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่เห็นด้วย(ร้อยละ)
ประถมศึกษา 80.3 19.7
มัธยมศึกษา/ ปวช. 70.4 29.6
อนุปริญญา/ ปวส. 69.6 30.4
ปริญญาตรี 63.2 36.8
สูงกว่าปริญญาตรี 55.3 44.7
เฉลี่ยรวม 67.3 32.7
ตารางที่ 8.2: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสาร
จะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้นของกลุ่มตัวอย่างที่มีพื้นที่อาศัยต่างกัน
เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่เห็นด้วย(ร้อยละ)
กรุงเทพมหานคร 63.6 36.4
ต่างจังหวัดในเขตอำเภอเมือง 66.4 33.6
ต่างจังหวัดนอกเขตอำเภอเมือง 72.0 28.0
เฉลี่ยรวม 67.3 32.7
ตารางที่ 8.3: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสาร
จะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้นของกลุ่มตัวอย่างที่มีความถี่ในการอ่านหนังสือพิมพ์ต่างกัน
เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่เห็นด้วย(ร้อยละ)
อ่านทุกวัน 69.7 30.3
อ่าน 5-6 วันต่อสัปดาห์ 68.3 31.7
อ่าน 3-4 วันต่อสัปดาห์ 64.4 35.6
อ่าน 1-2 วันต่อสัปดาห์ 65.4 34.6
เฉลี่ยรวม 67.3 32.7
ตารางที่ 9: เปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับผู้ที่เหมาะสมจะมาควบคุมดูแลเรื่องจรรยาบรรณ
ของสื่อมวลชนระหว่างการให้สื่อมวลชนควบคุมกันเองกับการให้รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมสื่อ
จำนวน ร้อยละ
ให้สื่อมวลชนควบคุมกันเอง 1,759 70.4
ให้รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมสื่อ 740 29.6
ตารางที่ 10: ความรู้จักสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
จำนวน ร้อยละ
ไม่รู้จักเลย 1,490 59.6
จำแนกตามอายุ ได้ดังนี้
- อายุ 18-25 ปี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 62.5
- อายุ 26-35 ปี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 59.1
- อายุ 36-45 ปี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 52.5
- อายุ 46 ปีขึ้นไป ไม่รู้จัก......ร้อยละ 56.7
จำแนกตามระดับการศึกษา ได้ดังนี้
- ประถมศึกษา ไม่รู้จัก......ร้อยละ 69.7
- มัธยมศึกษา/ ปวช. ไม่รู้จัก......ร้อยละ 59.2
- อนุปริญญา/ ปวส. ไม่รู้จัก......ร้อยละ 59.6
- ปริญญาตรี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 58.7
- สูงกว่าปริญญาตรี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 49.5
จำแนกตามพื้นที่อาศัย ได้ดังนี้
- กรุงเทพมหานคร ไม่รู้จัก.....ร้อยละ 60.4 %
- ต่างจังหวัดใน อ.เมือง ไม่รู้จัก.....ร้อยละ 57.8 %
- ต่างจังหวัดนอก อ.เมือง ไม่รู้จัก.....ร้อยละ 62.7 %
เคยได้ยินชื่อแต่ไม่รู้ว่าทำอะไร 937 37.5
รู้จัก 72 2.9
โดย
- ระบุบทบาทหน้าที่ได้ถูกต้อง.............................ร้อยละ 41.4
- ระบุบทบาทหน้าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
กลั่นกรองข่าวสารก่อนนำออกเผยแพร่และไม่ระบุรายละเอียด....ร้อยละ 58.6
ตารางที่ 11: ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่าหากมีปัญหากับสื่อหนังสือพิมพ์จะไปร้องเรียนหรือไม่
จำนวน ร้อยละ
จะไม่ไปร้องเรียน 1,412 56.5
เพราะ
- ไม่รู้จะไปร้องเรียนที่ไหน.................................33.1
- ไม่อยากยุ่งยากเสียเวลา.................................20.2
- ร้องเรียนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเพราะเป็นคนธรรมดาไม่มีอำนาจ.....17.8
- ไม่อยากมีเรื่องกับสื่อเพราะกลัวถูกกลั่นแกล้งให้เสียหาย...........10.6
- น่าจะตกลงกันได้โดยไม่ต้องไปร้องเรียน...................... 4.6
- ไม่ระบุเหตุผล.........................................13.7
จะไปร้องเรียน
โดยหน่วยงานที่ตั้งใจจะไปร้องเรียน ได้แก่
- สถานีตำรวจ................................................29.4
- ศาล......................................................12.9
- สภาการหนังสือพิมพ์............................................8.4
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค.............................6.1
- สำนักพิมพ์ของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆ..................................5.9
- ไอทีวี......................................................1.9
- อื่นๆ เช่น มูลนิธิปวีณา องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนสำนักนายกรัฐมนตรี และ อบต..1.7
- ยังนึกไม่ออกว่าจะไปร้องเรียนที่ไหน...............................21.3
- ไม่ระบุ....................................................12.4 1,087 43.5
ตารางที่ 11.1: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่าหากมีปัญหากับสื่อหนังสือพิมพ์
จะไปร้องเรียนหรือไม่ของกลุ่มตัวอย่างที่มีพื้นที่อาศัยต่างกัน
ไป(ร้อยละ) ไม่ไป(ร้อยละ)
กรุงเทพมหานคร 39.6 60.4
ต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง 42.7 57.3
ต่างจังหวัดนอกเขต อ.เมือง 48.4 51.6
เฉลี่ยรวม 43.5 56.5
ตารางที่ 11.2: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่าหากมีปัญหากับสื่อหนังสือพิมพ์
จะไปร้องเรียนหรือไม่ของกลุ่มตัวอย่างที่มีการศึกษาต่างกัน
ไป(ร้อยละ) ไม่ไป(ร้อยละ)
ประถมศึกษา 31.1 68.9
มัธยมศึกษา/ ปวช. 42.2 57.8
อนุปริญญา/ ปวส. 43.3 56.7
ปริญญาตรี 46.3 53.7
สูงกว่าปริญญาตรี 48.5 51.5
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-
มานำเสนอต่อสาธารณชนสูงที่สุด ขณะที่ความระมัดระวังในการนำเสนอภาพและข่าวที่จะทำให้ผู้ตกเป็นข่าวเสียหายมีคะแนนต่ำสุด ส่วนใหญ่ยังไว้วางใจ
ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ควบคุมดูแลเรื่องจรรยาบรรณของสื่อด้วยกันเอง พร้อมทั้งเชื่อว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้น การนำเสนอข่าวจะเที่ยงตรง
ตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
ในโอกาสที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ครบรอบการก่อตั้ง ๙ ปี นายบรรยงค์ สุวรรณผ่อง กรรมการและประธานอนุกรรมการฝ่าย
วิชาการ เปิดเผยว่า สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ได้จัดทำโครงการสำรวจความคิดเห็น เรื่อง ‘ประชาชนคิดอย่างไรกับสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน’ โดยมี
สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพให้การสนับสนุน และมีผู้ช่วยศาสตราจารย์สุนิสา ประวิชัย หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ เป็นผู้รับผิดชอบ
โครงการ “สภาการหนังสือพิมพ์ให้อิสระแก่ผู้วิจัยเต็มที่ เพื่อให้ผลการสำรวจสะท้อนภาพการทำงานของสื่อหนังสือพิมพ์ที่ผ่านมาอย่างแท้จริง”
การสำรวจดังกล่าว เก็บข้อมูลจากประชาชน อายุ ๑๘ ปี ขึ้นไป ใน ๒๕ จังหวัด จากทุกภาคของประเทศ จำนวน ๒,๗๐๘ คน ระหว่าง
๑ — ๑๕ มิถุนายน ๒๕๔๙ ซึ่ง ผศ. สุนิสา ประวิชัย หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลการสำรวจว่า ว่า
คุณภาพของข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันมีคะแนนเฉลี่ย ๒.๗๒ จากคะแนนเต็ม ๕.๐๐ โดยประชาชนเห็นว่าข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อ
หนังสือพิมพ์มีคุณค่าด้านความน่าสนใจสูงที่สุด (๓.๐๓) รองลงมาคือประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ (๒.๘๔) ความต่อเนื่องในการนำเสนอความคืบหน้าของเรื่อง
ราว (๒.๘๐) ความครบถ้วนสมบูรณ์ของเนื้อหา (๒.๖๗) และความถูกต้องเที่ยงตรง (๒.๔๙) ขณะที่ความเป็นกลางไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดมี
คะแนนต่ำสุด (๒.๔๗)
ส่วนการประเมินการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ ๒.๖๑ ซึ่งนับว่าไม่สูงนัก แต่ก็ยังสูงกว่าการทำหน้าที่ของสื่อมวล
ชนโดยรวมซึ่งมีคะแนนอยู่ที่ ๒.๕๓ โดยการทำหน้าที่ด้านสืบเสาะข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอต่อสาธารณชนมีคะแนนสูงสุด (๒.๗๘) รองลงมาคือการชี้นำ
สังคมไปในทางที่ถูกที่ควร (๒.๖๗) การยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมในสังคม (๒.๖๖) ส่วนการระมัดระวังในการนำเสนอภาพและข่าวที่จะทำ
ให้ผู้ตกเป็นข่าวเสียหายมีคะแนนต่ำสุด (๒.๓๔) “เสียงสะท้อนดังกล่าว เป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้สื่อหนังสือพิมพ์ทำ
หน้าที่ในฐานะผู้กลั่นกรองข่าวสารก่อนนำออกเผยแพร่สู่สาธารณชนวงกว้างอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความคาดหวังของประชาชนมากที่สุด”
ผศ. สุนิสา ประวิชัย กล่าว
สำหรับความคิดเห็นต่อเสรีภาพของสื่อมวลชนไทยในยุครัฐบาลพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นั้น หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ เปิดเผยว่า
ประชาชนร้อยละ ๓๖.๑ เห็นว่าสื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพน้อยเกินไป ขณะที่ร้อยละ ๓๐.๓ เห็นว่ามีเสรีภาพในระดับที่เหมาะสมแล้ว ร้อย
ละ ๒๒.๗ เห็นว่ามีเสรีภาพมากเกินไป และร้อยละ ๑๐.๙ ระบุว่าไม่แน่ใจ
ทั้งนี้ร้อยละ ๖๗.๓ เชื่อว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นจะทำให้การนำเสนอข่าวสารเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น เนื่อง
จากสื่อจะกล้านำเสนอความจริงอย่างครบถ้วนทุกด้านโดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลและการข่มขู่ฟ้องร้องเรียกเงินเป็นจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา ขณะที่
ร้อยละ ๓๒.๗ ไม่เชื่อว่าการที่สื่อมวลชนมีเสรีภาพมากขึ้นจะทำให้การนำเสนอข่าวสารเที่ยงตรงมากขึ้นตามไปด้วย โดยเห็นว่าความเที่ยงตรงของข่าว
สารขึ้นอยู่กับคุณภาพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมากกว่าเสรีภาพที่มี
สำหรับประเด็นเรื่องการควบคุมดูแลจรรยาบรรณของสื่อมวลชนนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงต้องการให้สื่อมวลชนทำหน้าที่ควบคุมดูแลกัน
เองถึงร้อยละ ๗๐.๔ และต้องการให้รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมดูแลจรรยาบรรณของสื่อมวลชนเพียงร้อยละ ๒๙.๖
ส่วนประเด็นเรื่องการรู้จักและรับรู้ถึงบทบาทการดำเนินงานของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาตินั้น ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักสภาการ
หนังสือพิมพ์แห่งชาติ โดยไม่รู้จักเลยร้อยละ ๕๙.๖ เคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าทำหน้าที่อะไรร้อยละ ๓๗.๕ อีกร้อยละ ๒.๙ ระบุว่ารู้จัก แต่ในจำนวนนี้ มี
เพียงร้อยละ ๑.๒ ที่สามารถระบุบทบาทหน้าที่ของสภาการหนังสือพิมพ์ฯ ได้อย่างถูกต้อง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผศ. สุนิสา ประวิชัย หัวหน้าศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
โทรศัพท์เคลื่อนที่ ๐-๑๔๕๘-๖๗๔๑ รายละเอียดการสำรวจเรื่องประชาชนคิดอย่างไรกับสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
ที่มาและวัตถุประสงค์ในการสำรวจ
หนังสือพิมพ์นับเป็นสื่อมวลชนที่มีบทบาทสำคัญในการรายงานเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมให้สาธารณชนได้รับทราบ ทั้ง
ยังเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อความคิดและความเชื่อของประชาชนโดยทั่วไปอยู่ไม่น้อย จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้มีอำนาจแทบทุกยุคทุกสมัยต่างพยายามที่จะเข้ามามี
บทบาทควบคุมสื่อหนังสือพิมพ์ด้วยกันทั้งสิ้น การที่สื่อหนังสือพิมพ์จะยืนหยัดต้านกระแสดังกล่าวได้อย่างตลอดรอดฝั่งจำเป็นจะต้องอาศัยปัจจัยหลัก 2
ประการคือ การยึดมั่นในอุดมการณ์และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอย่างแน่วแน่ของผู้ประกอบวิชาชีพนักหนังสือพิมพ์ และความเชื่อถือศรัทธาที่ประชาชนมีต่อ
สื่อดังกล่าว
ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงร่วมมือกับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติจัดทำโครงการสำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนต่อการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบันขึ้นเพื่อสะท้อนข้อมูลความคิดเห็นของประชาชนในฐานะผู้รับข่าวสารให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบอันจะ
เป็นแนวทางในการพัฒนาการทำงานของสื่อหนังสือพิมพ์ต่อไป
ประเด็นในการสำรวจ
1. ความถี่และลักษณะการรับข้อมูลข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์
2. ความเชื่อถือในข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจากสื่อหนังสือพิมพ์
3. การประเมินคุณภาพของข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
4. การประเมินการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
5. ความคิดเห็นต่อแนวคิดเรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชนกับความเที่ยงตรงในการนำเสนอข่าวสาร
6. กลไกที่เหมาะสมในการควบคุมดูแลเรื่องจรรยาบรรณของสื่อมวลชน
7. การรู้จักและรับรู้ในบทบาทการดำเนินงานของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจใช้วิธีสุ่มตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 25 จังหวัดจากทุกภาคของประเทศตามสัดส่วนจำนวนประชากรในแต่ละภาค
ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ปทุมธานี นครนายก ลพบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี นครสวรรค์ เชียงใหม่ พะเยา แม่ฮ่องสอน
สุโขทัย อุทัยธานี ขอนแก่น มหาสารคาม นครราชสีมา อุดรธานี กาฬสินธุ์ สุรินทร์ สุราษฎร์ธานี สงขลา พัทลุง ยะลา และ
นราธิวาส จำนวน 2,708 คน เป็นเพศชายร้อยละ 44.9 เพศหญิงร้อยละ 55.1
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างใช้ความคลาดเคลื่อน ฑ 5% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 1-15 มิถุนายน 2549
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 28 มิถุนายน 2549
โดย ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1776
http://research.bu.ac.th/poll/poll_list.php
ตารางที่ 1: ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 1,215 44.9
หญิง 1,493 55.1
อายุ
18-25 ปี 1,169 43.2
26-35 ปี 736 27.2
36-45 ปี 450 16.6
46 ปีขึ้นไป 353 13.0
การศึกษา
ประถมศึกษา 195 7.2
มัธยมศึกษา/ปวช. 940 34.7
อนุปริญญา/ปวส. 420 15.5
ปริญญาตรี 1,015 37.5
สูงกว่าปริญญาตรี 136 5.0
อาชีพ
ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ 533 19.7
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 468 17.3
รับจ้างทั่วไป 231 8.5
พนักงานลูกจ้างบริษัทเอกชน 516 19.1
นิสิต นักศึกษา 709 26.2
พ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ 99 3.6
เกษตรกร ประมง 61 2.3
อื่นๆ 91 3.4
ที่อยู่อาศัย
กรุงเทพมหานคร 325 12.0
ต่างจังหวัดในเขตอำเภอเมือง 1,755 64.8
ต่างจังหวัดนอกเขตอำเภอเมือง 628 23.2
รวม 2,708 100.0
ตารางที่ 2: ความบ่อยครั้งในการอ่านหนังสือพิมพ์ใน 1 สัปดาห์
จำนวน ร้อยละ
อ่านทุกวัน 804 29.7
อ่าน 5-6 วัน 311 11.5
อ่าน 3-4 วัน 699 24.7
อ่าน 1-2 วัน 715 26.4
ไม่ได้อ่านเลย (จบแบบสอบถาม) 209 7.7
ตารางที่ 3: ลักษณะการรับข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์
จำนวน ร้อยละ
รับจากหนังสือพิมพ์ฉบับเดียว 941 37.7
เนื่องจาก - เชื่อถือในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆ.................................ร้อยละ 55.1
- ไม่มีฉบับอื่นให้เลือก........................................ร้อยละ 36.8
- ไม่ระบุเหตุผล............................................ร้อยละ 8.1
รับจากหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เนื่องจาก 1,558 62.3
- ต้องการได้รับข่าวสารที่หลากหลายครบถ้วน.......................ร้อยละ 72.2
- ต้องการตรวจสอบความถูกต้องกับฉบับอื่นๆ........................ร้อยละ 23.4
- ไม่ระบุเหตุผล............................................ร้อยละ 4.4
ตารางที่ 4: การประเมินคุณภาพของข่าวสารที่นำเสนอทางสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
คะแนนที่ได้(จากคะแนนเต็ม 5.00)
ความน่าสนใจ 3.03
ประโยชน์ที่ผู้อ่านได้รับ 2.84
ความต่อเนื่องในการนำเสนอความคืบหน้าของเรื่องราว 2.80
ความครบถ้วนสมบูรณ์ของเนื้อหา 2.67
ความถูกต้องเที่ยงตรง 2.49
ความเป็นกลางไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใด 2.47
เฉลี่ยรวม 2.72
ตารางที่ 5: การประเมินการทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน
คะแนนที่ได้(จากคะแนนเต็ม 5.00)
การสืบเสาะข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอต่อสาธารณชน 2.78
การชี้นำสังคมไปในทางที่ถูกที่ควร 2.67
การยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องชอบธรรมในสังคม 2.66
การระมัดระวังในการนำเสนอภาพและข่าวที่จะทำให้ผู้ตกเป็นข่าวเสียหาย 2.34
ตารางที่ 6:การประเมินการทำหน้าที่โดยรวมของสื่อหนังสือพิมพ์เปรียบเทียบกับสื่อมวลชนไทยในปัจจุบัน
คะแนนที่ได้(จากคะแนนเต็ม 5.00)
การทำหน้าที่ของสื่อหนังสือพิมพ์ 2.61
การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนไทยในภาพรวม 2.53
ตารางที่ 7: ความคิดเห็นต่อเสรีภาพของสื่อมวลชนไทยในยุครัฐบาลทักษิณ
จำนวน ร้อยละ
สื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพน้อยเกินไป 902 36.1
สื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพในระดับที่เหมาะสมแล้ว 758 30.3
สื่อมวลชนในยุครัฐบาลทักษิณมีเสรีภาพมากเกินไป 567 22.7
ไม่แน่ใจ 272 10.9
ตารางที่ 8: ความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าถ้าสื่อมวลชนมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสารจะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น
จำนวน ร้อยละ
เห็นด้วย 1,683 67.3
เพราะ
- สื่อจะกล้านำเสนอความจริงอย่างครบถ้วนทุกด้านโดยไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลและ
การข่มขู่ฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนมาก.............................ร้อยละ 70.6
- ไม่ระบุเหตุผล..............................................ร้อยละ 29.4
ไม่เห็นด้วย 816 32.7
เพราะ
- ความเที่ยงตรงของข่าวสารขึ้นอยู่กับคุณภาพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชน
มากกว่าเสรีภาพที่ได้รับ.......................................ร้อยละ 29.8
- สื่อมวลชนไทยอยู่ภายใต้ระบบทุนนิยม ยิ่งมีเสรีภาพมากก็ยิ่งเสนอข่าวบิดเบือน
เพื่อให้ขายได้..............................................ร้อยละ 28.0
- สื่อมวลชนคงไม่กล้านำเสนอความจริง ที่จะทำให้ตนเองเดือดร้อน
และเสี่ยงอันตราย...........................................ร้อยละ 24.3
- ไม่ระบุเหตุผล..............................................ร้อยละ 17.9
ตารางที่ 8.1: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสาร
จะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้นของกลุ่มตัวอย่างที่มีการศึกษาต่างกัน
เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่เห็นด้วย(ร้อยละ)
ประถมศึกษา 80.3 19.7
มัธยมศึกษา/ ปวช. 70.4 29.6
อนุปริญญา/ ปวส. 69.6 30.4
ปริญญาตรี 63.2 36.8
สูงกว่าปริญญาตรี 55.3 44.7
เฉลี่ยรวม 67.3 32.7
ตารางที่ 8.2: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสาร
จะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้นของกลุ่มตัวอย่างที่มีพื้นที่อาศัยต่างกัน
เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่เห็นด้วย(ร้อยละ)
กรุงเทพมหานคร 63.6 36.4
ต่างจังหวัดในเขตอำเภอเมือง 66.4 33.6
ต่างจังหวัดนอกเขตอำเภอเมือง 72.0 28.0
เฉลี่ยรวม 67.3 32.7
ตารางที่ 8.3: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อแนวคิดที่ว่าหากสื่อมวลชนไทยมีเสรีภาพมากขึ้นการนำเสนอข่าวสาร
จะเที่ยงตรงตามความเป็นจริงมากขึ้นของกลุ่มตัวอย่างที่มีความถี่ในการอ่านหนังสือพิมพ์ต่างกัน
เห็นด้วย(ร้อยละ) ไม่เห็นด้วย(ร้อยละ)
อ่านทุกวัน 69.7 30.3
อ่าน 5-6 วันต่อสัปดาห์ 68.3 31.7
อ่าน 3-4 วันต่อสัปดาห์ 64.4 35.6
อ่าน 1-2 วันต่อสัปดาห์ 65.4 34.6
เฉลี่ยรวม 67.3 32.7
ตารางที่ 9: เปรียบเทียบความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับผู้ที่เหมาะสมจะมาควบคุมดูแลเรื่องจรรยาบรรณ
ของสื่อมวลชนระหว่างการให้สื่อมวลชนควบคุมกันเองกับการให้รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมสื่อ
จำนวน ร้อยละ
ให้สื่อมวลชนควบคุมกันเอง 1,759 70.4
ให้รัฐบาลเป็นผู้ควบคุมสื่อ 740 29.6
ตารางที่ 10: ความรู้จักสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
จำนวน ร้อยละ
ไม่รู้จักเลย 1,490 59.6
จำแนกตามอายุ ได้ดังนี้
- อายุ 18-25 ปี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 62.5
- อายุ 26-35 ปี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 59.1
- อายุ 36-45 ปี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 52.5
- อายุ 46 ปีขึ้นไป ไม่รู้จัก......ร้อยละ 56.7
จำแนกตามระดับการศึกษา ได้ดังนี้
- ประถมศึกษา ไม่รู้จัก......ร้อยละ 69.7
- มัธยมศึกษา/ ปวช. ไม่รู้จัก......ร้อยละ 59.2
- อนุปริญญา/ ปวส. ไม่รู้จัก......ร้อยละ 59.6
- ปริญญาตรี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 58.7
- สูงกว่าปริญญาตรี ไม่รู้จัก......ร้อยละ 49.5
จำแนกตามพื้นที่อาศัย ได้ดังนี้
- กรุงเทพมหานคร ไม่รู้จัก.....ร้อยละ 60.4 %
- ต่างจังหวัดใน อ.เมือง ไม่รู้จัก.....ร้อยละ 57.8 %
- ต่างจังหวัดนอก อ.เมือง ไม่รู้จัก.....ร้อยละ 62.7 %
เคยได้ยินชื่อแต่ไม่รู้ว่าทำอะไร 937 37.5
รู้จัก 72 2.9
โดย
- ระบุบทบาทหน้าที่ได้ถูกต้อง.............................ร้อยละ 41.4
- ระบุบทบาทหน้าที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
กลั่นกรองข่าวสารก่อนนำออกเผยแพร่และไม่ระบุรายละเอียด....ร้อยละ 58.6
ตารางที่ 11: ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่าหากมีปัญหากับสื่อหนังสือพิมพ์จะไปร้องเรียนหรือไม่
จำนวน ร้อยละ
จะไม่ไปร้องเรียน 1,412 56.5
เพราะ
- ไม่รู้จะไปร้องเรียนที่ไหน.................................33.1
- ไม่อยากยุ่งยากเสียเวลา.................................20.2
- ร้องเรียนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเพราะเป็นคนธรรมดาไม่มีอำนาจ.....17.8
- ไม่อยากมีเรื่องกับสื่อเพราะกลัวถูกกลั่นแกล้งให้เสียหาย...........10.6
- น่าจะตกลงกันได้โดยไม่ต้องไปร้องเรียน...................... 4.6
- ไม่ระบุเหตุผล.........................................13.7
จะไปร้องเรียน
โดยหน่วยงานที่ตั้งใจจะไปร้องเรียน ได้แก่
- สถานีตำรวจ................................................29.4
- ศาล......................................................12.9
- สภาการหนังสือพิมพ์............................................8.4
- สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค.............................6.1
- สำนักพิมพ์ของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นๆ..................................5.9
- ไอทีวี......................................................1.9
- อื่นๆ เช่น มูลนิธิปวีณา องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนสำนักนายกรัฐมนตรี และ อบต..1.7
- ยังนึกไม่ออกว่าจะไปร้องเรียนที่ไหน...............................21.3
- ไม่ระบุ....................................................12.4 1,087 43.5
ตารางที่ 11.1: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่าหากมีปัญหากับสื่อหนังสือพิมพ์
จะไปร้องเรียนหรือไม่ของกลุ่มตัวอย่างที่มีพื้นที่อาศัยต่างกัน
ไป(ร้อยละ) ไม่ไป(ร้อยละ)
กรุงเทพมหานคร 39.6 60.4
ต่างจังหวัดในเขต อ.เมือง 42.7 57.3
ต่างจังหวัดนอกเขต อ.เมือง 48.4 51.6
เฉลี่ยรวม 43.5 56.5
ตารางที่ 11.2: เปรียบเทียบความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่าหากมีปัญหากับสื่อหนังสือพิมพ์
จะไปร้องเรียนหรือไม่ของกลุ่มตัวอย่างที่มีการศึกษาต่างกัน
ไป(ร้อยละ) ไม่ไป(ร้อยละ)
ประถมศึกษา 31.1 68.9
มัธยมศึกษา/ ปวช. 42.2 57.8
อนุปริญญา/ ปวส. 43.3 56.7
ปริญญาตรี 46.3 53.7
สูงกว่าปริญญาตรี 48.5 51.5
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
-พห-