ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เผยผลสำรวจพบคนกรุงเทพฯ ร้อยละ 80.6 ระบุเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเกิดความกลัว เครียด วิตกกังวล รู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย และต้องระวังตัวมากขึ้น ขณะที่บางส่วนระบุว่ามีรายได้ลดลงและเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง
ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 79.0 เชื่อว่า หากทุกฝ่ายยึดถือหลักธรรมคำสอนของศาสนามาเป็นแนวทางในการทำงานและดำเนินชีวิตจะช่วยเยียวยาแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ โดยคาดหวังให้สถาบันครอบครัวเป็นผู้ทำหน้าที่ปลูกฝังธรรมะแก่ลูกหลานมากที่สุด
สำหรับหลักธรรมะที่ต้องการให้รัฐบาลยึดถือเป็นแนวทางในการบริหารประเทศมากที่สุดในขณะนี้คือ “ยุติธรรม โปร่งใส” ส่วนหลักธรรมะที่ต้องการให้ประชาชนคนไทยยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตมากที่สุดในขณะนี้คือ “สามัคคีปรองดอง”
สำหรับสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ตั้งใจจะอธิษฐานขอพรเนื่องในวันวิสาขบูชาปีนี้ อันดับแรกคือ ขอให้ประเทศไทยมีความสงบสุข ผ่านพ้นวิกฤติโดยเร็ว และไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้อีก
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
- ร้อยละ 80.6 ระบุว่า ส่งผลกระทบ
โดยเรื่องที่ส่งผลกระทบคือ
- ทำให้เกิดความกลัว เครียด และวิตกกังวล ร้อยละ 21.3 - ทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่ปลอดภัย ต้องระวังตัวมากขึ้น ร้อยละ 21.3 - ทำให้มีรายได้ลดลง เสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง ร้อยละ 20.9 - ทำให้ไม่อยากอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ร้อยละ 7.7
- อื่นๆ อาทิ รถติด เดินทางไม่สะดวก และโดนจำกัดเวลาจากการประกาศเคอร์ฟิว ร้อยละ 9.4
- ร้อยละ 19.4 ระบุว่า ไม่ส่งผลกระทบ
- เชื่อว่าสามารถช่วยเยียวยาแก้ปัญหาได้ ร้อยละ 79.0 - เชื่อว่าไม่สามารถช่วยเยียวยาแก้ปัญหาได้ ร้อยละ 7.0 - ไม่แน่ใจ ร้อยละ 14.0 3. แนวทางที่เหมาะสมในการนำหลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธมาใช้เยียวยาแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น พบว่าคนกรุงเทพฯ เสนอแนวทางดังต่อไปนี้ - ให้ครอบครัวปลูกฝังธรรมะให้กับลูกหลาน ร้อยละ 22.8 - ให้โรงเรียนเน้นการเรียนการสอนที่สอดแทรกธรรมะให้มากขึ้น ร้อยละ 18.3 - ให้รัฐบาลบริหารประเทศโดยยึดหลักธรรมาภิบาล ร้อยละ 17.5 - ให้เครือข่ายชุมชนเพิ่มกิจกรรมทางศาสนาให้เข้าถึงคนในชุมชน ร้อยละ 16.7 - ให้สื่อมวลชนเพิ่มเนื้อหาเกี่ยวกับธรรมะและปรับวิธีการนำเสนอให้น่าสนใจ ร้อยละ 15.0 - ให้พระสงฆ์ปรับวิธีเผยแผ่หลักธรรมคำสอนให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น ร้อยละ 9.7 4. หลักธรรมะที่ต้องการให้รัฐบาลยึดถือเป็นแนวทางในการบริหารประเทศมากที่สุดในขณะนี้ คือ - ยุติธรรม โปร่งใส ร้อยละ 22.3 - ซื่อสัตย์ สุจริต ร้อยละ 19.3 - สามัคคีปรองดอง ร้อยละ 17.5 - มีสติ รอบคอบ ร้อยละ 12.2 - แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ร้อยละ 11.2 - ขันติ อดทน อดกลั้น ร้อยละ 8.9 - ให้อภัย ไม่จองเวร ร้อยละ 5.0 - เมตตา กรุณา ร้อยละ 3.6 5. หลักธรรมะที่ต้องการให้ประชาชนคนไทยยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตมากที่สุดในขณะนี้ คือ - สามัคคีปรองดอง ร้อยละ 37.1 - ยึดทางสายกลาง ร้อยละ 17.1 - มีสติ รอบคอบ ร้อยละ 16.8 - ให้อภัย ไม่จองเวร ร้อยละ 12.1 - เมตตา กรุณา ร้อยละ 9.4 - ขันติ อดทน อดกลั้น ร้อยละ 7.5 6. สิ่งที่คนกรุงเทพฯ ตั้งใจจะอธิษฐานขอพรเนื่องในวันวิสาขบูชาในปีนี้ (มากที่สุด 5 อันดับแรก) คือ (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง)
อันดับ 1 ขอให้ประเทศไทยมีความสงบสุข ผ่านพ้นวิกฤติโดยเร็ว และไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้อีก ร้อยละ 67.8
อันดับ 2 ขอให้คนไทยกลับมารักกัน ให้อภัยกันเป็นพี่เป็นน้องกันเหมือนเดิม ร้อยละ 10.5 อันดับ 3 ขอให้ตนเองและครอบครัวมีความสุข และมีสุขภาพแข็งแรง ร้อยละ 6.3 อันดับ 4 ขอให้พระเจ้าอยู่หัวทรงหายประชวร ร้อยละ 5.3 อันดับ 5 ขอให้เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ร้อยละ 4.5 ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) โทร. 02-350-3500 ต่อ 1770, 1776 E-mail: bangkokpoll@bu.ac.th Website: http://research.bu.ac.th Twitter : http://twitter.com/bangkok_poll
รายละเอียดในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการนำเอาหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามาเยียวยาแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนสิ่งที่ตั้งใจอธิษฐานขอพรเนื่องในโอกาสวันวิสาขบูชา ทั้งนี้เพื่อสะท้อนให้สังคม และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเพื่อประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมต่อไป
การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วไปทุกสาขาอาชีพที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) และใช้วิธีเก็บข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,002 คน เป็นเพศชาย ร้อยละ 49.9 และเพศหญิงร้อยละ 50.1
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน +/- 4% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
ใช้การสุ่มสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถามที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิด (Open Form) และได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูลและประมวลผล
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 25-26 พฤษภาคม 2553 วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ : 27 พฤษภาคม 2553
ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 500 49.9 หญิง 502 50.1 รวม 1,002 100.0 อายุ 18 - 25 ปี 232 23.2 26 - 35 ปี 270 26.9 36 - 45 ปี 226 22.6 46 ปีขึ้นไป 274 27.3 รวม 1,002 100.0 การศึกษา ต่ำกว่าปริญญาตรี 586 58.5 ปริญญาตรี 336 33.5 สูงกว่าปริญญาตรี 80 8.0 รวม 1,002 100.0 อาชีพ ข้าราชการ / พนักงานรัฐวิสาหกิจ 128 12.8 พนักงาน / ลูกจ้าง บริษัทเอกชน 218 21.7 ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว 260 26.0 รับจ้างทั่วไป 124 12.3 พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 108 10.8 อื่นๆ อาทิ นักศึกษา อาชีพอิสระ ว่างงาน เป็นต้น 164 16.4 รวม 1,002 100.0
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--