ด้วยวันที่ 29 และ 30 กรกฏาคมนี้เป็นวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง
พุทธศาสนิกชนนิยมเข้าวัดเพื่อทำบุญ ปฏิบัติธรรม และรักษาศีลตลอดช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเป็นประจำทุกปี อีกทั้งที่ผ่านมาหน่วยงาน
ภาครัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ได้จัดให้มีโครงการส่งเสริมและสนับสนุนในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลเข้าพรรษาเพื่อเป็นการปลูกฝัง
ค่านิยมและสืบสานประเพณีอันดีงาม ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพจึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง
“พุทธศาสนิกชนกับการรักษาศีล 5 ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา” โดยเก็บข้อมูลจากพุทธศาสนิกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
จำนวน 1,140 คน เป็นเพศชายร้อยละ 51.2 และเพศหญิงร้อยละ 48.8 เมื่อวันที่ 13-17 กรกฎาคม 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1. ความคิดเห็นต่อการรักษาศีล 5 ของพุทธศาสนิกชนในปัจจุบันว่ามีความสำคัญเพียงใด
- เห็นว่ามีความสำคัญมาก...................................ร้อยละ 72.4
(โดยเห็นว่ามีความสำคัญมากร้อยละ 35.8 และสำคัญมากที่สุดร้อยละ 36.6)
- เห็นว่ามีความสำคัญปานกลาง...............................ร้อยละ 21.3
- เห็นว่ามีความสำคัญน้อย...................................ร้อยละ 5.2
(โดยเห็นว่ามีความสำคัญน้อยร้อยละ 4.1 และสำคัญน้อยที่สุดร้อยละ 1.1)
- ไม่แน่ใจ.............................................ร้อยละ 1.1
2. เมื่อถามกลุ่มตัวอย่างถึงการประพฤติผิดศีล 5 ในรอบ 30 วันที่ผ่านมา พบว่า (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
- ประพฤติผิดศีลข้อ 1 ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต..........................ร้อยละ 37.0
- ประพฤติผิดศีลข้อ 2 ลักทรัพย์..............................ร้อยละ 11.1
- ประพฤติผิดศีลข้อ 3 ประพฤติผิดในกาม.......................ร้อยละ 11.3
- ประพฤติผิดศีลข้อ 4 พูดปด................................ร้อยละ 45.4
- ประพฤติผิดศีลข้อ 5 ดื่มสุราและของมึนเมา....................ร้อยละ 39.0
- ไม่ประพฤติผิดศีลข้อใดเลย................................ร้อยละ 16.3
3. ความเห็นต่อการประพฤติผิดศีล 5 ในข้อที่เห็นว่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้สังคมมากที่สุด
- การประพฤติผิดศีลข้อ 5 ดื่มสุราและของมึนเมา.................ร้อยละ 32.9
- การประพฤติผิดศีลข้อ 3 ประพฤติผิดในกาม....................ร้อยละ 28.2
- การประพฤติผิดศีลข้อ 2 ลักทรัพย์...........................ร้อยละ 22.2
- การประพฤติผิดศีลข้อ 4 พูดปด.............................ร้อยละ 12.2
- การประพฤติผิดศีลข้อ 1 ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต.......................ร้อยละ 4.5
จากข้อมูลเบื้องต้นเรื่องการประพฤติผิดศีล 5 ในรอบ 30 วันที่ผ่านมาและความเห็นต่อการประพฤติผิดศีล 5
ในข้อที่เห็นว่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้สังคมมากที่สุด เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงลึกในแง่อายุของกลุ่มตัวอย่างที่ประพฤติผิดศีลข้อ 5
เรื่องการดื่มสุราและของมึนเมาพบว่า ร้อยละ 44.8 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 36-45 ปี ประพฤติผิดศีลข้อ 5 มากที่สุด
รองลงมาคือกลุ่มอายุ 18-25 ปี, กลุ่มอายุ 26-35 ปี และกลุ่มอายุ 46 ปีขึ้นไป เป็นจำนวนร้อยละ 40.5, ร้อยละ 39.3
และร้อยละ 28.0 ตามลำดับ
ขณะที่เรื่องการประพฤติผิดในกามพบว่า ร้อยละ 13.4 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี ประพฤติผิดศีล
ข้อ 3 มากที่สุด รองลงมาคือร้อยละ 12.9 ของกลุ่มอายุ 26-35 ปี, ร้อยละ 9.5 ของกลุ่มอายุ 36-45 ปีและร้อยละ 5.7
ของกลุ่มอายุ 46 ปีขึ้นไปที่มีพฤติกรรมประพฤติผิดศีลข้อ 3 จากข้อมูลดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่าวัยรุ่นและเยาวชนมีแนวโน้มกระทำ
ผิดศีลข้อที่ 3 และข้อที่ 5 มากกว่าหรือเท่าๆกับผู้ที่อยู่ในวัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ อันอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมได้
4. สิ่งที่ตั้งใจจะทำในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
- ทำบุญตักบาตร.........................................ร้อยละ 47.0
- รักษาศีล 5...........................................ร้อยละ 30.9
- ให้ทานและบริจาคสิ่งของ.................................ร้อยละ 18.5
- สวดมนต์และนั่งสมาธิ....................................ร้อยละ 9.3
- เข้าวัดฟังธรรม ทำบุญ...................................ร้อยละ 8.8
- อื่นๆ อาทิ ทำสังฆทาน เวียนเทียน และหล่อเทียนพรรษา..........ร้อยละ 4.8
5. เมื่อถามถึงการรับรู้หรือรับทราบถึงข่าวสารการรณรงค์ให้รักษาศีลหรือโครงการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ
เทศกาลเข้าพรรษาจากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า
- ไม่ได้รับทราบ.........................................ร้อยละ 52.6
- รับทราบ.............................................ร้อยละ 47.4
โดยในจำนวนร้อยละ 47.4 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบว่าทราบข่าวสารการรณรงค์ของโครงการ
ต่างๆสามารถระบุถึงโครงการที่จดจำได้ ดังนี้
- โครงการรณรงค์ให้งดดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษา.................ร้อยละ 23.6
- โครงการอื่นๆ อาทิ รักษาศีล และงดอบายมุข..................ร้อยละ 9.2
- ไม่สามารถระบุโครงการได้...............................ร้อยละ 14.6
6. ความคิดเห็นต่อผลการดำเนินโครงการรณรงค์เพื่องดการดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษาของปีที่ผ่านมา
จากจำนวนของกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 43.0 ที่ระบุว่าดื่มสุราอยู่ก่อนเข้าพรรษา พบว่า
- ดื่มน้อยลงตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา.......................ร้อยละ 16.4
- งดการดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา.......................ร้อยละ 10.4
- ยังคงดื่มในปริมาณเท่าเดิมตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา...........ร้อยละ 10.1
- งดการดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมาและต่อเนื่องถึงปัจจุบัน.......ร้อยละ 4.0
- อื่นๆ อาทิ ดื่มเฉพาะเวลาเข้าสังคม ไม่แน่นอน.................ร้อยละ 2.1
7. เมื่อถามถึงบุคคลในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันที่กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าสมควรได้รับการยกย่องให้เป็น
แบบอย่างในการประพฤติตนได้เหมาะสมในการรักษาศีล 5 มากที่สุด (เป็นคำถามปลายเปิดให้ระบุคำตอบเอง)
- พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี.....................ร้อยละ 60.3
- เห็นว่าไม่มีผู้ใดเหมาะ...................................ร้อยละ 34.1
- คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว. กระทรวงวัฒนธรรม...............ร้อยละ 2.3
- นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว. กระทรวงศึกษาธิการ..............ร้อยละ 1.1
- อื่นๆ ได้แก่ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ น.พ.มงคล ณ สงขลา
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ และนายสุวิทย์ ยอดมณี....ร้อยละ 2.2
8. เมื่อถามความเห็นของกลุ่มตัวอย่างถึงศีลหรือหลักธรรมข้อใดที่อยากให้ผู้บริหารประเทศยึดถือ
ปฏิบัติและนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองในปัจจุบันมากที่สุด พบว่า
- ศีลข้อที่ 4 ละเว้นการพูดปด พูดไม่ตรงความจริง..................ร้อยละ 58.8
- ศีลข้อที่ 2 ละเว้นการลักทรัพย์หรือเบียดบังเอาทรัพย์ที่ไม่ใช่ของตน.....ร้อยละ 15.1
- ควรยึดหลักของศีล 5 ให้ครบทุกข้อ............................ร้อยละ 10.7
- ศีลข้อที่ 5 ละเว้นการดื่มสุราและของมึนเมา.....................ร้อยละ 6.3
- ศีลข้อที่ 3 ละเว้นการประพฤติผิดในกาม........................ร้อยละ 4.5
- อื่นๆ ได้แก่ ศีล 8 และหลักพรหมวิหาร 4 (ได้แก่ เมตตา กรุณา
มุทิตา และอุเบกขา)......................................ร้อยละ 2.9
- ศีลข้อที่ 1 ละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต...........................ร้อยละ 1.7
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของพุทธศาสนิกชน เกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมที่มีต่อการรักษาศีล 5 ในช่วงวันสำคัญ
ทางพระพุทธศาสนาและความคิดเห็นต่อโครงการรณรงค์ต่างๆที่มีในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ให้สาธารณชนและหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “พุทธศาสนิกชนกับการรักษาศีล 5 ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา” ใช้วิธีสุ่มตัวอย่าง
แบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยการสุ่มเขตการปกครองจำนวน 30 เขต จาก 50 เขตของกรุงเทพมหานคร
ทั้งเขตชั้นใน เขตชั้นกลาง และเขตชั้นนอก ได้แก่ เขตคลองเตย คลองสาน คลองสามวา ดอนเมือง ดินแดง ดุสิต ธนบุรี
บางกอกน้อย บางกะปิ บางเขน บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางพลัด บึงกุ่ม ปทุมวัน ประเวศ พญาไท พระนคร มีนบุรี
ยานนาวา ราชเทวี ราษฎร์บูรณะ ลาดกระบัง วังทองหลาง สวนหลวง สะพานสูง สัมพันธวงศ์ สาทร หนองแขม
และปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ จากนั้นสุ่มถนน และประชากรเป้าหมาย ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น
1,140 คน เป็นเพศชายร้อยละ 51.2 และเพศหญิงร้อยละ 48.8
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีความคลาดเคลื่อน ฑ 5% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 13-17 กรกฎาคม 2550
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 25 กรกฎาคม 2550
ตาราง ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 584 51.2
หญิง 556 48.8
อายุ
18-25 ปี 365 32.0
26-35 ปี 379 33.2
36-45 ปี 221 19.4
46 ปีขึ้นไป 175 15.4
การศึกษา
ต่ำกว่าปริญญาตรี 493 43.2
ปริญญาตรี 579 50.8
สูงกว่าปริญญาตรี 68 6.0
อาชีพ
ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 86 7.5
พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 352 30.9
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 266 23.3
รับจ้างทั่วไป 191 16.8
พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 78 6.8
อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ เกษตรกร
นิสิตนักศึกษา ฯลฯ 167 14.7
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--
พุทธศาสนิกชนนิยมเข้าวัดเพื่อทำบุญ ปฏิบัติธรรม และรักษาศีลตลอดช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเป็นประจำทุกปี อีกทั้งที่ผ่านมาหน่วยงาน
ภาครัฐและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ได้จัดให้มีโครงการส่งเสริมและสนับสนุนในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลเข้าพรรษาเพื่อเป็นการปลูกฝัง
ค่านิยมและสืบสานประเพณีอันดีงาม ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์ สถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพจึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง
“พุทธศาสนิกชนกับการรักษาศีล 5 ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา” โดยเก็บข้อมูลจากพุทธศาสนิกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
จำนวน 1,140 คน เป็นเพศชายร้อยละ 51.2 และเพศหญิงร้อยละ 48.8 เมื่อวันที่ 13-17 กรกฎาคม 2550 สรุปผลได้ดังนี้
1. ความคิดเห็นต่อการรักษาศีล 5 ของพุทธศาสนิกชนในปัจจุบันว่ามีความสำคัญเพียงใด
- เห็นว่ามีความสำคัญมาก...................................ร้อยละ 72.4
(โดยเห็นว่ามีความสำคัญมากร้อยละ 35.8 และสำคัญมากที่สุดร้อยละ 36.6)
- เห็นว่ามีความสำคัญปานกลาง...............................ร้อยละ 21.3
- เห็นว่ามีความสำคัญน้อย...................................ร้อยละ 5.2
(โดยเห็นว่ามีความสำคัญน้อยร้อยละ 4.1 และสำคัญน้อยที่สุดร้อยละ 1.1)
- ไม่แน่ใจ.............................................ร้อยละ 1.1
2. เมื่อถามกลุ่มตัวอย่างถึงการประพฤติผิดศีล 5 ในรอบ 30 วันที่ผ่านมา พบว่า (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
- ประพฤติผิดศีลข้อ 1 ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต..........................ร้อยละ 37.0
- ประพฤติผิดศีลข้อ 2 ลักทรัพย์..............................ร้อยละ 11.1
- ประพฤติผิดศีลข้อ 3 ประพฤติผิดในกาม.......................ร้อยละ 11.3
- ประพฤติผิดศีลข้อ 4 พูดปด................................ร้อยละ 45.4
- ประพฤติผิดศีลข้อ 5 ดื่มสุราและของมึนเมา....................ร้อยละ 39.0
- ไม่ประพฤติผิดศีลข้อใดเลย................................ร้อยละ 16.3
3. ความเห็นต่อการประพฤติผิดศีล 5 ในข้อที่เห็นว่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้สังคมมากที่สุด
- การประพฤติผิดศีลข้อ 5 ดื่มสุราและของมึนเมา.................ร้อยละ 32.9
- การประพฤติผิดศีลข้อ 3 ประพฤติผิดในกาม....................ร้อยละ 28.2
- การประพฤติผิดศีลข้อ 2 ลักทรัพย์...........................ร้อยละ 22.2
- การประพฤติผิดศีลข้อ 4 พูดปด.............................ร้อยละ 12.2
- การประพฤติผิดศีลข้อ 1 ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต.......................ร้อยละ 4.5
จากข้อมูลเบื้องต้นเรื่องการประพฤติผิดศีล 5 ในรอบ 30 วันที่ผ่านมาและความเห็นต่อการประพฤติผิดศีล 5
ในข้อที่เห็นว่าจะเป็นการสร้างปัญหาให้สังคมมากที่สุด เมื่อพิจารณาข้อมูลเชิงลึกในแง่อายุของกลุ่มตัวอย่างที่ประพฤติผิดศีลข้อ 5
เรื่องการดื่มสุราและของมึนเมาพบว่า ร้อยละ 44.8 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 36-45 ปี ประพฤติผิดศีลข้อ 5 มากที่สุด
รองลงมาคือกลุ่มอายุ 18-25 ปี, กลุ่มอายุ 26-35 ปี และกลุ่มอายุ 46 ปีขึ้นไป เป็นจำนวนร้อยละ 40.5, ร้อยละ 39.3
และร้อยละ 28.0 ตามลำดับ
ขณะที่เรื่องการประพฤติผิดในกามพบว่า ร้อยละ 13.4 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี ประพฤติผิดศีล
ข้อ 3 มากที่สุด รองลงมาคือร้อยละ 12.9 ของกลุ่มอายุ 26-35 ปี, ร้อยละ 9.5 ของกลุ่มอายุ 36-45 ปีและร้อยละ 5.7
ของกลุ่มอายุ 46 ปีขึ้นไปที่มีพฤติกรรมประพฤติผิดศีลข้อ 3 จากข้อมูลดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่าวัยรุ่นและเยาวชนมีแนวโน้มกระทำ
ผิดศีลข้อที่ 3 และข้อที่ 5 มากกว่าหรือเท่าๆกับผู้ที่อยู่ในวัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ อันอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมได้
4. สิ่งที่ตั้งใจจะทำในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาที่จะถึงนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
- ทำบุญตักบาตร.........................................ร้อยละ 47.0
- รักษาศีล 5...........................................ร้อยละ 30.9
- ให้ทานและบริจาคสิ่งของ.................................ร้อยละ 18.5
- สวดมนต์และนั่งสมาธิ....................................ร้อยละ 9.3
- เข้าวัดฟังธรรม ทำบุญ...................................ร้อยละ 8.8
- อื่นๆ อาทิ ทำสังฆทาน เวียนเทียน และหล่อเทียนพรรษา..........ร้อยละ 4.8
5. เมื่อถามถึงการรับรู้หรือรับทราบถึงข่าวสารการรณรงค์ให้รักษาศีลหรือโครงการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับ
เทศกาลเข้าพรรษาจากกลุ่มตัวอย่าง พบว่า
- ไม่ได้รับทราบ.........................................ร้อยละ 52.6
- รับทราบ.............................................ร้อยละ 47.4
โดยในจำนวนร้อยละ 47.4 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบว่าทราบข่าวสารการรณรงค์ของโครงการ
ต่างๆสามารถระบุถึงโครงการที่จดจำได้ ดังนี้
- โครงการรณรงค์ให้งดดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษา.................ร้อยละ 23.6
- โครงการอื่นๆ อาทิ รักษาศีล และงดอบายมุข..................ร้อยละ 9.2
- ไม่สามารถระบุโครงการได้...............................ร้อยละ 14.6
6. ความคิดเห็นต่อผลการดำเนินโครงการรณรงค์เพื่องดการดื่มสุราในช่วงเข้าพรรษาของปีที่ผ่านมา
จากจำนวนของกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 43.0 ที่ระบุว่าดื่มสุราอยู่ก่อนเข้าพรรษา พบว่า
- ดื่มน้อยลงตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา.......................ร้อยละ 16.4
- งดการดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา.......................ร้อยละ 10.4
- ยังคงดื่มในปริมาณเท่าเดิมตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา...........ร้อยละ 10.1
- งดการดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมาและต่อเนื่องถึงปัจจุบัน.......ร้อยละ 4.0
- อื่นๆ อาทิ ดื่มเฉพาะเวลาเข้าสังคม ไม่แน่นอน.................ร้อยละ 2.1
7. เมื่อถามถึงบุคคลในคณะรัฐบาลชุดปัจจุบันที่กลุ่มตัวอย่างเห็นว่าสมควรได้รับการยกย่องให้เป็น
แบบอย่างในการประพฤติตนได้เหมาะสมในการรักษาศีล 5 มากที่สุด (เป็นคำถามปลายเปิดให้ระบุคำตอบเอง)
- พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี.....................ร้อยละ 60.3
- เห็นว่าไม่มีผู้ใดเหมาะ...................................ร้อยละ 34.1
- คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รมว. กระทรวงวัฒนธรรม...............ร้อยละ 2.3
- นายวิจิตร ศรีสอ้าน รมว. กระทรวงศึกษาธิการ..............ร้อยละ 1.1
- อื่นๆ ได้แก่ นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ น.พ.มงคล ณ สงขลา
นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ และนายสุวิทย์ ยอดมณี....ร้อยละ 2.2
8. เมื่อถามความเห็นของกลุ่มตัวอย่างถึงศีลหรือหลักธรรมข้อใดที่อยากให้ผู้บริหารประเทศยึดถือ
ปฏิบัติและนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองในปัจจุบันมากที่สุด พบว่า
- ศีลข้อที่ 4 ละเว้นการพูดปด พูดไม่ตรงความจริง..................ร้อยละ 58.8
- ศีลข้อที่ 2 ละเว้นการลักทรัพย์หรือเบียดบังเอาทรัพย์ที่ไม่ใช่ของตน.....ร้อยละ 15.1
- ควรยึดหลักของศีล 5 ให้ครบทุกข้อ............................ร้อยละ 10.7
- ศีลข้อที่ 5 ละเว้นการดื่มสุราและของมึนเมา.....................ร้อยละ 6.3
- ศีลข้อที่ 3 ละเว้นการประพฤติผิดในกาม........................ร้อยละ 4.5
- อื่นๆ ได้แก่ ศีล 8 และหลักพรหมวิหาร 4 (ได้แก่ เมตตา กรุณา
มุทิตา และอุเบกขา)......................................ร้อยละ 2.9
- ศีลข้อที่ 1 ละเว้นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต...........................ร้อยละ 1.7
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ
เพื่อสอบถามความคิดเห็นของพุทธศาสนิกชน เกี่ยวกับทัศนคติและพฤติกรรมที่มีต่อการรักษาศีล 5 ในช่วงวันสำคัญ
ทางพระพุทธศาสนาและความคิดเห็นต่อโครงการรณรงค์ต่างๆที่มีในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ให้สาธารณชนและหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ
ระเบียบวิธีการสำรวจ
การสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “พุทธศาสนิกชนกับการรักษาศีล 5 ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษา” ใช้วิธีสุ่มตัวอย่าง
แบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยการสุ่มเขตการปกครองจำนวน 30 เขต จาก 50 เขตของกรุงเทพมหานคร
ทั้งเขตชั้นใน เขตชั้นกลาง และเขตชั้นนอก ได้แก่ เขตคลองเตย คลองสาน คลองสามวา ดอนเมือง ดินแดง ดุสิต ธนบุรี
บางกอกน้อย บางกะปิ บางเขน บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางพลัด บึงกุ่ม ปทุมวัน ประเวศ พญาไท พระนคร มีนบุรี
ยานนาวา ราชเทวี ราษฎร์บูรณะ ลาดกระบัง วังทองหลาง สวนหลวง สะพานสูง สัมพันธวงศ์ สาทร หนองแขม
และปริมณฑล 3 จังหวัด ได้แก่นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ จากนั้นสุ่มถนน และประชากรเป้าหมาย ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น
1,140 คน เป็นเพศชายร้อยละ 51.2 และเพศหญิงร้อยละ 48.8
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error)
ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีความคลาดเคลื่อน ฑ 5% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บข้อมูลใช้แบบสอบถามสัมภาษณ์ความคิดเห็นของประชากรเป้าหมายที่สุ่มได้
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล : 13-17 กรกฎาคม 2550
วันที่เผยแพร่ผลการสำรวจ : 25 กรกฎาคม 2550
ตาราง ข้อมูลประชากรศาสตร์
จำนวน ร้อยละ
เพศ :
ชาย 584 51.2
หญิง 556 48.8
อายุ
18-25 ปี 365 32.0
26-35 ปี 379 33.2
36-45 ปี 221 19.4
46 ปีขึ้นไป 175 15.4
การศึกษา
ต่ำกว่าปริญญาตรี 493 43.2
ปริญญาตรี 579 50.8
สูงกว่าปริญญาตรี 68 6.0
อาชีพ
ข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ 86 7.5
พนักงาน/ลูกจ้างบริษัทเอกชน 352 30.9
ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว 266 23.3
รับจ้างทั่วไป 191 16.8
พ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ 78 6.8
อื่นๆ อาทิ อาชีพอิสระ เกษตรกร
นิสิตนักศึกษา ฯลฯ 167 14.7
--ศูนย์วิจัยกรุงเทพโพลล์--