ฉบับที่ 4/2553
ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ในเดือนกันยายนโดยรวมยังขยายตัวต่อเนื่อง ตามการขยายตัวของรายได้เกษตรกร การท่องเที่ยวและการลงทุนภาคการก่อสร้าง ขณะที่ การอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนชะลอลงเล็กน้อย ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอตัวจากเดือนก่อนตามราคาอาหารและเครื่องดื่ม
ภาคการผลิต ลดลง ทั้งผลผลิตพืชผลเกษตรและผลผลิตอุตสาหกรรม โดยดัชนีผลผลิตพืชผลเกษตรลดลงร้อยละ 10.5 ตามการลดลงของผลผลิตยางและปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ตามราคาพืชผลที่ยังคงขยายตัวสูงถึงร้อยละ 52.7 โดยเฉพาะราคายางพารา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากอุปสงค์จากต่างประเทศยังมีต่อเนื่อง และการเร่งซื้อก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มอัตราการเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ (CESS) ในวันที่ 1 ตุลาคม 2553ส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวร้อยละ 36.7 ขณะเดียวกันผลผลิตอุตสาหกรรมปรับลดลงตามการผลิตน้ำมันปาล์มดิบและอาหารทะเลบรรจุกระป๋อง ส่วนการผลิตยาง และอาหารทะเลแช่แข็งเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดจีน สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวดี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามายังภาคใต้เร่งตัวขึ้นร้อยละ 66.5 ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียและออสเตรเลีย ช่วยชดเชยนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปที่หดตัวลง
การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สะท้อนจากการเร่งตัวของพื้นที่ขออนุญาตก่อสร้าง และเงินลงทุนของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน สำหรับการอุปโภคบริโภค
ภาคเอกชน ชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ตามปริมาณจดทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐลดลงทั้งการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน
ภาคต่างประเทศ การส่งออกสินค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ มีมูลค่า 1,296 ล้านดอลลาร์สรอ.ขยายตัวสูงร้อยละ 46.7 ตามการส่งออกสินค้าสำคัญทั้งยางพารา สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง สำหรับการนำเข้าในเดือนนี้มีมูลค่า 706.1 ล้านดอลลาร์สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.0 จาการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ อุปกรณ์ก่อสร้างและสัตว์น้ำ
จากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้เงินให้สินเชื่อและเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 11.0 และ 9.3 ตามลำดับ ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลงจากราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ชะลอลง
ภาวะเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ไตรมาสที่ 3 โดยรวมขยายตัวดี แม้จะมีแนวโน้มชะลอลงบ้างจากไตรมาสก่อน โดยภาคบริการท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้น จากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศที่เริ่มคลี่คลายทำให้ จำนวนนักท่องเที่ยวผ่านตรวจคนเข้าเมืองเร่งตัวขึ้นร้อยละ 53.4 ส่วนใหญ่เป็นการขยายตัวของนักท่องเที่ยวจากประเทศในเอเชีย และออสเตรเลีย ขณะเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนภาคการก่อสร้างเร่งตัวขึ้นเช่นกัน โดยพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.8 จากการขยายตัวของพื้นที่ก่อสร้างโรงแรมเป็นสำคัญ ส่วนเงินลงทุนของกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนลดลงเล็กน้อย
ภาคต่างประเทศ มูลค่าการส่งออกและการนำเข้ายังขยายตัวในเกณฑ์สูง โดยมีมูลค่าการส่งออก 3,806.1 ล้านดอลลาร์สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.7 และมูลค่าการนำเข้า 2,031.3 ล้านดอลลาร์สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.1
สำหรับการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวดีโดยเฉพาะสินค้าคงทน สะท้อนจากการขยายตัวของการจดทะเบียนรถ และสินเชื่อเช่าซื้อรถ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากรายได้เกษตรกรที่ยังอยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ
ภาคการผลิต ลดลง โดยดัชนีผลผลิตพืชผลเกษตรลดลงร้อยละ 7.2 ตามผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ขณะเดียวกันปริมาณสัตว์น้ำลดลงทั้งประมงทะเลและการเพาะเลี้ยง จากสภาพอากาศแปรปรวนส่งผลให้ดัชนีราคาพืชผลและราคากุ้ง ยังขยายตัวสูงที่ร้อยละ 60.5 และ 25.0 ทำให้รายได้เกษตรกรยังขยายตัวในเกณฑ์สูงร้อยละ 48.3 ส่วนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมลดลงเล็กน้อย ตามการผลิตยางแปรรูป น้ำมันปาล์มอาหารทะเลแช่เย็น แช่แข็งและแปรรูป และอาหารทะเลกระป๋อง ตามวัตถุดิบที่ออกสู่ตลาดน้อยและความต้องการที่ชะลอลงจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น
เงินฝากและสินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเงินฝากขยายตัวร้อยละ 9.3 และสินเชื่อขยายตัวร้อยละ 11.0 เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งสินเชื่อธุรกิจและการบริโภคส่วนบุคคล
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปชะลอลง จากการชะลอลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำประปา แม้ว่าราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้
ข้อมูลเพิ่มเติม : นาฏน้อย แก้วมีจีน
โทร.0-7423-6200 ต่อ 4329
e-mail : nartnoik@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย