ฉบับที่ 2/2554
ภาวะเศรษฐกิจภาคใต้โดยรวมขยายตัว ตามการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ เนื่องจากรายได้จากภาคเกษตร การผลิตอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวขยายตัว ขณะเดียวกันการส่งออกและการลงทุนภาคการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทางด้านเงินฝากและเงินให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ขยายตัวดี ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมา รายละเอียดภาวะเศรษฐกิจภาคใต้ มีดังนี้
ภาคเกษตร รายได้ภาคเกษตรขยายตัวสูง ถึงร้อยละ 59.8 จากปี 2552 ที่ติดลบร้อยละ 29.0 ตามการเพิ่มขึ้นของราคา เป็นสำคัญ เนื่องจากผลผลิต ทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมันลดลงจากปีก่อน จากสภาพอากาศที่แปรปรวน และได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและวาตภัยในช่วงปลายปี ขณะที่ความต้องการพืชผลเกษตรในตลาดโลกยังมีต่อเนื่อง ทำให้ราคาพืชผลเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.8 โดยราคายางเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 78.8 และปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.2
การทำประมงทะเล การผลิตชะลอลงมาก โดยปริมาณสัตว์น้ำที่นำขึ้นที่ท่าเทียบเรือเพิ่มขึ้นเพียง ร้อยละ 1.9 ส่วนหนึ่งเป็นนำสัตวน้ำจากการทำประมงในน่านน้ำมาเลเซียและอินโดนีเซียมาขึ้นที่ท่าเทียบเรือประมงสงขลาและปัตตานีเป็นสำคัญ ส่วนผลผลิตกุ้งขาวจากการเพาะเลี้ยงลดลง เนื่องจากประสบปัญหาโรคระบาด ขณะเดียวกัน การเลี้ยงกุ้งในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศคู่แข่ง อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน ต่างได้รับความเสียหายจากโรคระบาดและภัยธรรมชาติ รวมทั้งการเกิดวิกฤติการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ ทำให้ผลผลิตกุ้งของโลกลดลงสวนทางกับความต้องการของตลาดต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคากุ้งปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ภาคอุตสาหกรรม การผลิตขยายตัวร้อยละ 4.5 ชะลอลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.9 จากการผลิตอุตสาหกรรมยาง และน้ำมันปาล์มที่ลดลงตามปริมาณวัตถุดิบแม้ว่าความต้องการในประเทศและต่างประเทศยังมีต่อเนื่องก็ตาม อย่างไรก็ตามการผลิตอุตสาหกรรมหลักอื่นยังขยายตัวดี ทั้งไม้ยางแปรรูป ถุงมือยาง อาหารทะเลแช่เย็นแช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลบรรจุกระป๋อง และดีบุก
ภาคบริการ การท่องเที่ยว ขยายตัวในเกณฑ์ดี เนื่องจากฟื้นตัวจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 และอุทกภัยในช่วงปลายปีได้เร็ว โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในช่วงปี 2553 มีจำนวน 4.7 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 36.2 ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียและออสเตรเลีย ช่วยชดเชยนักท่องเที่ยวกลุ่มยุโรปที่หดตัวลงจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ประกอบกับในปี 2552 นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่มากนัก เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวหลักประสบภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียประกาศเตือนการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย ส่วนอัตราการเข้าพักในปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 56.14 สูงกว่าปีก่อน ซึ่งมีอัตราเข้าพักร้อยละ 48.9
การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวดี โดยดัชนีการอุปโภคบริโภคขยายตัวร้อยละ 5.1 จากปี 2552 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.7 โดยเฉพาะสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จากรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี อย่างไรก็ตามแนวโน้มระดับราคาสินค้าที่ปรับสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว โดยเฉพาะในภาคการก่อสร้าง ซึ่งพื้นที่ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.1 จากปี 2552 ที่ติดลบร้อยละ 2.6 เช่นเดียวกับการส่งเสริมการลงทุนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลที่ขยายตัวดีเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ภาคต่างประเทศ การส่งออกสินค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ มูลค่า 14,954.7 ล้านดอลลาร์สรอ. ขยายตัวสูงร้อยละ 47.7 ตามการส่งออกสินค้าสำคัญทั้งยางพารา สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 8,010.8 ล้านดอลลาร์สรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.8 จาการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์และหัวขุดเจาะน้ำมัน และน้ำมันเชื้อเพลิง
ภาคการคลัง การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการลดลงร้อยละ 10.1 ตามการลดลงของรายจ่ายลงทุนเป็นสำคัญ ส่วนการจัดเก็บรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 ตามการเพิ่มขึ้นของภาษีสรรพากรที่ขยายตัวร้อยละ 19.9
จากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้เงินฝากและสินเชื่อของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคใต้ขยายตัวดี โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2553 เงินฝากขยายตัวร้อยละ 9.0 และสินเชื่อขยายตัวร้อยละ 10.8 เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งสินเชื่อเพื่อการผลิตในอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ ยาง สัตว์น้ำแปรรูป และไม้ยาง และสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลโดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถขยายตัว
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เร่งตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ตามราคาสินค้ากลุ่มพลังงานและอาหารโดยเฉพาะผักและผลไม้ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก
เศรษฐกิจภาคใต้ในปี 2554 คาดว่าจะขยายตัว แม้จะชะลอลงจากปีก่อน โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ จากปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญได้แก่ สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อรายได้เกษตรกรอยู่ในเกณฑ์ดี การท่องเที่ยวขยายตัวดี การปรับค่าจ้างขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ รวมทั้งสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกจะขยายตัวตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าสำคัญที่เริ่มฟื้นตัว
สำหรับอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและราคาพืชผล รวมทั้งต้นทุนค่าจ้างที่อาจปรับสูงขึ้นบ้างจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้ดี ส่งผลให้การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ จากการปรับค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงภาวะราคาสินค้าเกษตร และราคาน้ำมันที่โน้มสูงขึ้น ทำให้อัตราเงินเฟ้อในปีหน้าคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้
ข้อมูลเพิ่มเติม : นาฏน้อย แก้วมีจีน
โทร.0-7427-2000 ต่อ 4329 e-mail : nartnoik@bot.or.th
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย