คำกล่าวเปิดโครงการ
ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล
ในโครงการ “พออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก.”
ณ แปลงสาธิต ถนนรามคำแหง
วันอังคารที่ 7 มิถุนายน 2554
ผมได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการพออยู่พอกินกับที่ดิน บสก. มาพอสมควรและมีความเห็นว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงเป็นการหาแนวทางใหม่ ๆ ในการบริหารจัดการ NPA หรือทรัพย์สินรอการขายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะที่ดินเปล่าซึ่งจำหน่ายได้ยาก และมองไม่เห็นการนำไปใช้ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ บสก. ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินรกร้างว่างเปล่าเหล่านั้นด้วยการน้อมนำแนวพระราชดำริตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยพัฒนาที่ดินให้ใช้ประโยชน์สูงสุดด้วยรูปแบบเกษตรกรรมทฤษฎีใหม่ ทำให้ทรัพย์สินรอการขายของ บสก. กลายเป็นทรัพย์สินที่พร้อมขายพร้อมใช้งาน และได้จำหน่ายไปแล้วหลายพันไร่
มาถึงวันนี้ ผมรู้สึกยินดีมากยิ่งขึ้น ที่พบว่าโครงการพออยู่ พอกินกับที่ดิน บสก. ไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น แต่กำลังจะสร้างความต่อเนื่องโดยต่อยอดให้การทำเกษตรแบบผสมผสานบนที่ดินของ บสก. ก้าวไปสู่การพัฒนาในแบบอย่างที่ยั่งยืนต่อไป ด้วยแนวคิด “ทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน” ซึ่ง บสก. ได้จัดทำแปลงสาธิตและเตรียมเปิดให้ทุกท่านเข้าชมอย่างเป็นรูปธรรม ณ ที่นี้
ดังนั้น โครงการพออยู่ พอกิน กับที่ดิน บสก. ทั้ง 2 รูปแบบ คือ รูปแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2552 หรือรูปแบบ “ทำกิน 1 ไร่ ทำได้ 1 แสน” ที่เปิดตัวในวันนี้ ล้วนเป็นการสร้างความยั่งยืนให้กับผู้สนใจทำเกษตรเพื่อสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม กล่าวคือ ช่วยแก้ไขปัญหา NPA ในระบบสถาบันการเงิน ฟื้นฟูธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการสร้างชุมชนอีกด้วย โครงการนี้จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนให้มีการเผยแพร่สู่สาธารณชนอย่างกว้างขวางเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์สูงสุด
ผมต้องขอขอบคุณที่ บสก. ได้ริเริ่มนวัตกรรมใหม่ ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติตลอดจนสื่อมวลชนทุกท่านซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันทุกๆ โครงการและกิจกรรมของ บสก. ให้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เห็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างนี้เกิดขึ้นอีก และขอเป็นกำลังใจให้การดำเนินการประสบความสำเร็จตามเจตนารมณ์ของ บสก. ทุกประการครับ
ขอบคุณมากครับ
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย