ฉบับที่ 24/2554
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2554 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้จัดสัมมนาเรื่อง แนวทางการกำกับดูแลการทำธุรกรรม Cross-selling ของสถาบันการเงิน ร่วมกับผู้กำกับดูแลภาคการเงินไทย 3 แห่ง คือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ ธปท.
การทำธุรกรรม Cross —selling เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากขึ้นต่อประชาชน โดยสถาบันการเงินมีบทบาทในการขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งผลิตภัณฑ์ประกันภัยและธุรกิจหลักทรัพย์มากขึ้น ได้แก่การเป็นนายหน้าขายบริการประกัน การทำธุรกิจหลักทรัพย์บางประเภท เช่น การเป็นนายหน้าขายหน่วยลงทุน การค้าและจัดจำหน่ายตราสารหนี้ต่างๆ บริษัทประกันมีการเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่ใกล้เคียงกับเงินฝากในลักษณะกรมธรรม์ประเภทสะสมทรัพย์ ตลอดจนบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทจัดการกองทุนรวมนพเสนอผลิตภัณฑ์ทางด้านหลักทรัพย์ เช่น หน่วยลงทุน และตราสารหนี้ต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุน และเป็นองค์ประกอบในการระดมทุนที่สำคัญของภาคธุรกิจเอกชน แทนการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพียงอย่างเดียวดังเช่นในอดีต ผู้กำกับดูแลของภาคการเงินทั้ง 3 แห่ง จึงจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันให้การกำกับดูแลและดำเนินงานมีทิศทางสอดคล้องกัน สรุปสาระสำคัญในการสัมมนา ดังนี้
1. การดูแลให้มีกระบวนการขายและการดูแลลูกค้าหลังการขายที่เหมาะสม เมื่อสถาบันการเงินประเภทต่างๆ มีการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เชื่อมโยงกัน (Cross—selling)
2. การยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค (Market Conduct) ในประเด็นต่างๆ เช่น การกำหนดแนวนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นผู้เสนอขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งด้านประกันและหลักทรัพย์ต้องเปิดเผยข้อมูลในการนำเสนอขายผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าอย่างชัดเจน การไม่สนับสนุนให้แข่งขันกันประกอบธุรกิจโดยใช้แนวทางการตลาดในลักษณะการชิงโชค เนื่องจากทำให้การตัดสินใจของผู้บริโภคบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และลูกค้าไม่ทราบผลตอบแทนที่แท้จริง เป็นต้น
การจัดสัมมนาครั้งนี้ เป็นความประสานความร่วมมือของผู้กำกับดูแลภาคการเงินไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และเสริมสร้างมาตรฐานการกำกับดูแลธุรกรรม Cross selling การคุ้มครองผู้ลงทุนและผู้ใช้บริการ ผ่านการให้ความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งดูแลเรื่องความมั่นคงของสถาบันเพื่อมิให้เป็นความเสี่ยงต่อระบบโดยรวม ซึ่งมีความสำคัญต่อพัฒนาการของระบบการเงินให้มีเสถียรภาพ
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย